เลแวนเต้ เอสยูวีพลิกประวัติศาสตร์

18 มี.ค. 2560 | 10:00 น.
ช่วง 4-5 ปีหลังเทรนด์เอสยูวีมาแรงครับ จนถึงวันนี้ชี้เป้าไปที่รถยนต์เมเจอร์แบรนด์ ผมยังไม่เห็นไม่มีใครไม่ทำ ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มสปอร์ตไฮเอนด์และซูเปอร์คาร์ ต่างซุ่มพัฒนามีแผนเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ พวกที่ยังไม่มีเอสยูวีอย่าง “โรลส์-รอยซ์” “แอสตัน มาร์ติน” ต้องบอกว่าทำแน่ๆ จะมีเพียง “เฟอร์รารีj” ที่ยังเงียบ ซึ่งต้องรอดูว่าค่ายม้าลำพองจะทนกับกระแสของโลกได้อีกนานแค่ไหน ส่วนใครจะเรียกชื่อหรือจำกัดความรถประเภทนี้ ด้วยพื้นฐานการพัฒนาหรือความชัดเจนในการทำตลาดก็สุดแล้วแต่

ล่าสุดผมมีโอกาสไปเยือนบ้านเกิด “มาเซราติ” แบรนด์รถยนต์อายุกว่า 100 ปี ที่เมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี งานนี้ทีมงาน “เอ็มจีซี-เอเชีย” และ “ดีไซน์ มอเตอร์เวิร์ค” ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มาเซราติอย่างเป็นทางการในประเทศไทย(รายใหม่) ไม่ยอมให้เสียโอกาส เมื่อพาไปดูทั้ง พิพิธภัณฑ์สะสมรถยนต์ระดับตำนาน มีโอกาสเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ Fiat Chrysler Automobiles Mirafiori ที่เมืองตูริน และเปิดสนามทดสอบให้ผู้สื่อข่าวได้ลองขับมาเซราติหลายรุ่น รวมถึงเอสยูวี “เลแวนเต้” (Levante) ที่เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2017

MP37-3244-C สำหรับ“เลแวนเต้” เป็นเอสยูวีที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับมาเซราติ พร้อมจับมือเทคทีมกับสปอร์ตซีดาน “กิบลี” (Ghibli) ในการบุกตลาดแมสกล่าวคือเมื่อก่อนมาเซราติเป็นรถนิชมาร์เก็ต ราคา 16-20 ล้านบาท แต่สองรุ่นนี้วางตำแหน่งในการขายระดับเริ่มต้น หรือ 7-8 ล้านบาทเท่านั้นเอง

โดยสถิติบอกชัดเจนด้วยยอดขายมาเซราติทั่วโลกเติบโต 50% ต่อเนื่องในช่วง 3 ปีหลัง หรือปี 2559 ที่ผ่านมาทำตัวเลขไปร่วมๆ 50,000 คัน ขณะที่เมืองไทย ตัวแทนจำหน่ายรายเดิมเคยขายอยู่ปีละ 10-20 คันรวมทุกรุ่น แต่ปีนี้ “ดีไซน์ มอเตอร์เวิร์ค” ที่เข้ามารับไม้ต่อ หวังขายเลแวนเต้รุ่นเดียวก็ 20 คันเข้าไปแล้ว ดังนั้นรวมรุ่นอื่นๆ ยอดขายน่าจะอยู่แถว 40 คันสบายๆ (อย่าลืมว่านี้คือปีแรกของการทำธุรกิจ)

สำหรับ “เลแวนเต้” ทิ้งระยะเวลาจากการเปิดตัวรถต้นแบบรุ่น “คูบัง” (Kubang) มาหลายปี เรียกว่าปล่อยให้รอกันจนลืมว่าจะทำตลาดเอสยูวีหรือไม่ แต่จนแล้วจนรอด มาเซราติจัดการเปิดตัวโปรดักต์ชันคาร์ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2016 การพัฒนามีขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ “กิบลี” ด้วยมิติตัวถังยาว 5,003 มม. กว้าง 1,986 มม. สูง 1,679 มม. ระยะฐานล้อ 3,004 มม. ต้องถือว่าเป็นเอสยูวีร่างยักษ์ละครับ ซึ่งตรงนี้สะท้อนความอเนกประสงค์ ความกว้างขวางภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่าง

MP37-3244-D ด้านเครื่องยนต์มีให้เลือกทั้ง เบนซิน วี6 ขนาด 3.0 ลิตร ที่พัฒนาโดยเฟอร์รารี่ รวมถึงดีเซล วี6 ขนาด 3.0 ลิตร ของ“วีเอ็ม โมโตริ” แต่เมืองไทยจะเริ่มด้วยขุมพลังดีเซล เนื่องจากเครื่องยนต์เบนซิน พวงมาลัยขวา ยังไม่เริ่มผลิต
การทดสอบมีขึ้นที่สนาม “ออโตโดรโม” เมืองโมเดนา ทีมงานเตรียมรถไว้หลายรุ่นทั้ง ตัวแรงอย่าง “แกรนทัวริสโม เอ็มซี สตาแดลเล” (GranTurismo MC Stradale) และแกรนด์ ทัวริสโม สปอร์ต (GranTurismo Sport) สปอร์ตซีดาน “กิบลี” (Ghibli) และไฮไลต์ “เลแวนเต้” (Levante) ซึ่งเป็นตัวท็อป “รหัสเอส” เครื่องยนต์เบนซิน ความแรงระดับ 430 แรงม้า แม้บ้านเรายังไม่ขายเครื่องยนต์เบนซิน แต่ถือว่าได้ลองที่สุดในไลน์อัพของเลแวนเต้ ให้รู้จักตัวตนและภาพรวมของบุคลิกก่อนครับ

สำหรับสนามออโตโดรโมมีความยาว 2 กม.ต่อรอบ การขับจริงๆทีมงานค่อนข้างถนอมรถ และเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ทั้งตั้งกรวยชี้นำการเข้า-ออกโค้ง (ซึ่งเป็นเรื่องดี) ขณะที่ครูผู้ฝึกสอนนั่งแนะนำอยู่ข้างๆ พร้อมย้ำตำแหน่งเบรก การใช้เกียร์ จังหวะเร่งส่ง อย่าง “ลาแวนเต้” ที่เป็นเอสยูวีทรงสูง ภายนอกอาจจะดูเทอะทะ แต่ขับจริงๆควบคุมง่าย พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี (แต่เบากว่ารุ่น “จีที”แน่นอน เช่นเดียวกับเบรกและคันเร่ง)

อย่างที่เรียนว่าเครื่องยนต์เบนซิน วี6 บล็อกนี้พัฒนาโดยเฟอร์รารี่ ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องสมรรถนะ ขับๆไปทั้งเสียงท่อ พร้อมอัตราเร่งดุดัน จนคิดว่านี่เป็นซูเปอร์คาร์ในคราบเอสยูวีละครับ สัมผัสอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.2 วินาที ขณะที่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำงานกระชับฉับไว

ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะกระจายกำลังสู่ล้อคู่หน้าและหลังโดยอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ ขณะช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับความนุ่ม-แข็งและระดับความสูงของตัวรถได้ หรือจากต่ำสุดถึงสูงสุดมีระยะห่างให้ปรับได้ถึง 75 มม. เพื่อรักษาเสถียรภาพการทรงตัวให้ดีที่สุด

ด้านการตกแต่งภายในสามารถเลือกได้แบบคัสตอมไมซ์ ลูกค้าอยากให้แผงแดชบอร์ด คอนโซล แผงประตู ใช้วัสดุที่ทำจากอะไร เบาะนั่งสีแบบไหน รวมถึงชุดเครื่องเสียงมีทั้ง Harman Kardon และ Bowers & Wilkins เป็นออปชันให้เลือก

รวบรัดตัดความ...ทริปนี้ได้สัมผัส “เลแวนเต้” รุ่นท็อปเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ความแรง 430 แรงม้า สมรรถนะสปอร์ตดุดันได้กลิ่นอายมาจากเพื่อนร่วมค่ายเฟอร์รารี่ ทว่าบุคลิกจริงๆของเอสยูวีรุ่นนี้ยังเหลือที่ว่างของความนุ่มนวล ควบคุมง่าย นั่งสบาย ซึ่งเป็นแนวทางของมาเซราติยุคใหม่ที่หันมาเน้นทำตลาดรถขับได้ในทุกวัน ส่วนเมืองไทยขายรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยราคา 7.99 ล้านบาท และ 8.39 ล้านบาท ถือเป็นเอสยูวีที่มีภาพลักษณ์หรูหราขึ้นไปอีกระดับ ทว่าราคาไม่สูงไปตามความเลอค่าของแบรนด์ระดับไฮเอนด์ของอิตาลี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,244 วันที่ 16 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2560