เปิดมุมมองบิ๊กส่งออก รัฐฯขายข้าวหมดสต๊อกราคาตลาดโลกจะปรับฐานใหม่

13 มี.ค. 2560 | 08:00 น.
บริษัท เอเซียโกลเด้นไรซ์ จำกัด ถือเป็นผู้นำ และครองอันดับ 1 ผู้ส่งออกข้าวมากสุดของประเทศ ติดต่อกันมานานหลายปี และในปีนี้ก็คาดจะยังครองแชมป์ได้เช่นเดิม ทั้งนี้การส่งออกของบริษัทรวมถึงการส่งออกข้าวของประเทศไทยในภาพรวมปีนี้จะเป็นอย่างไร มีปัจจัยบวก-ปัจจัยลบอย่างไร รวม ถึงทิศทางราคาข้าวไทยทั้งในประเทศ และในตลาดโลกจะเป็นเช่นใดนั้น "ฐานเศรษฐกิจ"สัมภาษณ์ "สมบัติ เฉลิมวุฒินันท์" ประธานบริษัทเอเซียโกลเด้นไรซ์ฯ กูรูด้านส่งออกข้าวที่ได้ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง

ส่งออกข้าว9.8ล้านตัน

"สมบัติ"กล่าวว่า ในปี 2560 คาดประเทศไทยจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 9.5-9.8 ล้านตัน (กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกที่ 10 ล้านตัน ส่วนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยตั้งเป้าที่ 9.5 ล้านตัน) จากปีที่แล้วไทยส่งออกข้าวได้ 9.8 ล้านตัน ในจำนวนนี้เป็นข้าวจากสต๊อกรัฐบาลประมาณ 2 ล้านตัน และข้าวเอกชนอีกกว่า 7 ล้านตัน โดยคาดการณ์ส่งออกข้าวของปีนี้ข้างต้น มองว่ามีปัจจัยบวกจากหลายประการ ที่สำคัญคือ การส่งออกข้าวภายใต้ความตกลงซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีระหว่างไทย-จีน ใน 1 ล้านตันที่ 2 ที่เชื่อว่าจะสามารถเจรจาและส่งมอบได้แล้วเสร็จในปีนี้

นอกจากนี้จากที่รัฐบาลฟิลิปปินส์จะเปิดประมูลข้าวอีก 2.5 แสนตันในเดือนนี้ คาดไทยและเวียดนามจะแชร์ส่วนแบ่งกันไป จากปีที่แล้วฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวประมาณ 8 แสนตันในจำนวนนี้นำเข้าจากไทย 3 แสนตัน จากเวียดนาม 4 แสนตัน ที่เหลือจากแหล่งอื่น ขณะที่ตลาดอินโดนีเซียก็คาดว่าจะยังมีการนำเข้าข้าว แต่จะปริมาณเท่าใดนั้น คงต้องรอดูผลผลิตข้าวของอินโดฯอีกครั้ง จากปีที่แล้วอินโดนีเซียนำเข้าข้าว 1.2 ล้านตัน โดยนำเข้าจากไทย 4 แสนตัน จากเวียดนาม 3.2 แสนตัน ที่เหลือจากแหล่งอื่น และตลาดมาเลเซียในปีนี้ก็จะยังมีการนำเข้า โดยไทยกับเวียดนามจะแบ่งกันในตลาดนี้เช่นกัน

ส่วนตลาดแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของข้าวไทย และของบริษัท(สัดส่วน 60%ของการส่งออกข้าวของเอเชียฯอยู่ที่แอฟริกา) หลายประเทศในตลาดนี้มีรายได้หลักจากการส่งออกน้ำมัน คาดจะมีกำลังซื้อและการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นแต่ที่น่าจับตามองคือไนจีเรีย ที่รัฐบาลส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวในประเทศเพื่อพึ่งพาตัวเองและลดการนำเข้า ต้องติดตามว่าจะเป็นอย่างไร

เอเชียฯเล็ง1.5 ล้านตัน

"ในส่วนการส่งออกข้าวของบริษัทในปีนี้จะพยายามรักษาตัวเลขให้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มียอดส่งออกประมาณ 1.5 ล้านตัน มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดีโดยปกติแต่ละปียอดส่งออกข้าวของบริษัทจะมีสัดส่วนประมาณ 17-18%ของการส่งออกโดยรวมของประเทศ แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถูกรายเล็กแบ่งแชร์ตัวเลขไป ทำให้สัดส่วนส่งออกของเราเวลานี้เหลืออยู่ประมาณ 15% จากโรงสีตั้งบริษัทส่งออกข้าวมาเป็นคู่แข่งเพิ่มขึ้น"

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดบริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวกับผู้นำเข้าจากอิหร่านปริมาณ 2 แสนตัน ซึ่งถือเป็นการกลับมาซื้อข้าวไทยของอิหร่านในรอบ 10 ปี จากก่อนหน้านี้มีผู้ส่งออกข้าวไทยบางรายทำเสียชื่อส่งข้าวด้อยคุณภาพไปให้ทำให้ทางอิหร่านหยุดค้าข้าวกับไทยตั้งแต่นั้นมา การกลับมาซื้อข้าวไทยอีกครั้งในครั้งนี้เป็นสายสัมพันธ์ส่วนตัวของบริษัทกับคู่ค้าในอิหร่าน โดยโรงงานข้าวของบริษัทได้ผ่านการตรวจรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขของอิหร่านแล้ว เหลือเพียงการดำเนินธุรกรรมทางการเงินในการซื้อขาย คาดใน 1-2 เดือนจากนี้จะสามารถเริ่มส่งมอบข้าวให้ทางอิหร่านได้

"นอกจากอิหร่านที่เราสามารถดึงตลาดกลับมาได้แล้ว ยังมีอิรักเป็นอีกตลาดหนึ่งที่รัฐบาลน่าจะไปสานสัมพันธ์ทางการทูต หรือทำอย่างไรก็แล้วแต่เพื่อดึงนี้ตลาดนี้กลับมา จากมีช่วงหนึ่งมีผู้ส่งออกบางรายไปทำเสียเรื่องคุณภาพข้าว ทำให้ภาพรวมเสียกันไปหมด มีผลให้ไทยเสียตลาดนี้ไปเป็นเวลาหลายปีแล้ว"

ราคาข้าวใกล้เคียงปีที่แล้ว

"สมบัติ"ยังให้มุมมองต่อการผลิตและการค้าข้าวของโลกในปีนี้ว่า ภาพรวมผลผลิตข้าวโลกดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนการค้าข้าวโลกคาดในปีนี้ก็น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้วคือประมาณ 44 ล้านตัน ส่วนราคาข้าวส่งออกของไทยในปีนี้เชื่อว่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยเวลานี้ข้าวหอมมะลิของไทย(มีหลายเกรด)ราคาเฉลี่ยมากกว่า 500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน(ราคาเอฟโอบี)ไปจนถึงกว่า 600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และข้าวขาว 5% เฉลี่ย 350-360 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน

“จากที่ล่าสุดกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดประมูลขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลและนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) อนุมัติระบาย 1.35 ล้านตัน (จากที่เปิดประมูล 2.86 ล้านตัน) โดยประกาศชัดเจนว่าข้าวรัฐบาลถ้าเสนอซื้อต่ำกว่าเกณฑ์ก็จะไม่ขาย ถือเป็นผลดีกับตลาดว่าราคาข้าวไม่น่าจะลงไปกว่านี้แล้ว”

ส่วนราคาข้าวเปลือกในประเทศก็น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คงไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากมายซึ่งอาจจะไม่เป็นที่พอใจของชาวนานัก คาดกลางปีหน้าไปแล้ว หลังสต๊อกข้าวรัฐบาลลดน้อยลงไปหรือเกือบหมดไปแล้ว (ล่าสุด ณ วันที่ 10 มี. ค.60 ข้าวในสต๊อกรัฐบาลเหลืออยู่ประมาณ 6.5 ล้านตัน) เชื่อว่าภาพรวมของตลาดค้าข้าวโลกน่าจะมีการปรับฐานในเชิงราคาขึ้นได้ เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาข้าวในสต๊อกรัฐบาลมีผลต่อราคาข้าวโลก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,243 วันที่ 12 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2560