ตลาดน้ำมันเครื่องแข่งดุ ปตท.หวังยึดแชร์ 39% -เอเนออส ลุยสองล้อ

23 พ.ย. 2559 | 08:00 น.
“ปตท.”เดินหน้าลุยหวังโกยยอดขายทั้งในและต่างประเทศกว่าหมื่นล้านบาท ด้านเอเนออส หวังขยายฐานลูกค้าสองล้อ เปิดตัวสินค้าใหม่ 2 รุ่นสิ้นปีนี้ และอีก 4 รุ่นปีหน้า ส่วนวาโวลีนชูสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง หนุนทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้

นายบุรณิน รัตนสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ภาพรวมตลาดน้ำมันเครื่องในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2559 พบว่ามีอัตราการเติบโต 10 -11 % หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดย ปตท.ถือเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 38.5% และคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 39% เติบโตจากปีที่ผ่านมา

สำหรับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของปตท.มาจาก กลุ่มอุตสาหกรรมที่แต่เดิม ปตท.มีสัดส่วนลูกค้าที่น้อย แต่ในปีนี้มีอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ,ส่วนในกลุมน้ำมันเครื่องเบนซิน-ดีเซล ก็มีมีความแข็งแรง เช่นเดียวกับกลุ่มน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถบรรทุก ที่บริษัทฯมีการเข้าหาลูกค้าอย่างใกล้ชิด มีการให้ความรู้ เทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆว่ามีจุดเด่นและคุณสมบัติที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆอย่างไร

“การแข่งขันของตลาดน้ำมันหล่อลื่นในบ้านเราถือว่าดุเดือดมาโดยตลอด เนื่องจากมีผู้เล่นหลายยี่ห้อ แต่ปตท.ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า รวมไปถึงเครือข่ายพันธมิตรที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยมีช่องทางการขายกว่า 4,000-5,000 ร้านค้า ขณะที่โปรโมชั่นก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ ล่าสุดลูกค้าที่ซื้อน้ำมันเครื่องของปตท.จะแถมลำโพง เจบีแอล”

นายบุรณิน กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางการตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมีการเข้าร่วมงานอีเว้นท์อย่างมอเตอร์เอ็กซ์โป และมีการบุกตลาดฟลีตมากขึ้น รวมไปถึงกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ แม่พิมพ์ ,แบบ,โลหะ และกลุ่มเกษตรกร ที่มีความต้องการใช้น้ำมันเครื่องที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วจะมีการรุกตลาดส่งออกมากขึ้น ปัจจุบันปตท.ส่งออก 36 ประเทศทั่วโลก ซึ่งตลาดหลักที่ได้เจาะเข้าไปคือกลุ่มประเทศเออีซี เนื่องจากอนาคตจะมีการเชื่อมต่อกันมากขึ้นและตลาดที่น่าสนใจที่ได้รุกเข้าไปเพิ่มคือ จีน และตะวันออกกลาง รวมไปถึงอัฟริกา

“ในต่างประเทศเรามีพันธมิตรที่ดี ถือเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ขยันมาก ทำให้ยอดขายเติบโตต่อเนื่อง ยกตัวอย่าง โมรอคโค ที่เดิมส่งสินค้าไป 1 ตู้ แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6 ตู้แล้ว ซึ่งนอกจากเหตุผลด้านพันธมิตรที่ดีแล้ว อานิสงค์จากการที่ไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและได้รับการยอมรับในตลาดโลก ”

สำหรับ ปตท.มีการคาดว่ารายได้ของกลุ่มน้ำมันเครื่องในปีนี้ จะทำได้ 1 หมื่นล้านบาท เติบโต 10 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยรายได้จากในประเทศคิดเป็น 7,500 ล้านบาท และรายได้จากการส่งออก 1,500 ล้านบาท

ขณะที่เอเนออส น้ำมันเครื่องจากประเทศญี่ปุ่นอีกหนึ่งแบรนด์ก็มีการเปิดกลยุทธ์ทางการตลาด โดยนายทาคาอาคิ มัตซึอิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเอ็กซ์ นิปปอน ออยล์ แอนด์ เอเนอจี (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า เตรียมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยจะสื่อสารผ่านทุกช่องทาง อีกทั้งยังมีแผนจะขยายเครือข่ายการขาย จากปัจจุบันที่มีอยู่ 500 แห่ง นอกจากนั้นแล้วจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ 2 รุ่น ได้แก่ เอเนออส ฟูลลี่ ซินธีติค 4T น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % เหมาะกับรถจักรยานยนต์สมรรถนะสูงและรถบิ๊กไบค์ และเอเนออส โมโต 4T น้ำมันเครื่องเกรดรวม เทคโนโลยีสังเคราะห์ สำหรับรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ 4 จังหวะ และในปีหน้าจะมีการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่อีก 4 รุ่นในกลุ่มจักรยานยนต์

“ตลาดน้ำมันเครื่องในไทยมีการแข่งขันสูง ทำให้เรามีการวางกลยุทธ์ทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใหม่ ,การทำราคา ของแถม รวมไปถึงแผนพัฒนาเครือข่ายภายใต้ชื่อ เอเนออส การาจ ที่ปั่จจุบันมีจำนวน 12 แห่ง และภายในปี 2563 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 100 แห่ง โดยตัวแทนจำหน่ายจะมีการลงทุนสูงสุดประมาณ 3 – 4 แสนบาท”

นายมิตซึอิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดน้ำมันเครื่องทั้งหมดในประเทศไทยมีมูลค่าราว 5 หมื่นล้านบาทหรือคิดเป็น 600 ล้านลิตรต่อปี สำหรับเป้าหมายของเอเนออสในไทยตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20 %

นายเพิ่มศักดิ์ โกศลพันธุ์ ประธานบริหาร บริษัท วาโวลีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯแม่ได้มีการลงนามข้อตกลงการเป็นพันธมิตรกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ซึ่งจะส่งผลดีในการสร้างแบรนด์วาโวลีนให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยในไทยจะมีการต่อยอดด้วยการสื่อสารผ่านทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์, สื่อออนไลน์ เว็บไซต์, สื่อโฆษณา ณ จุดขาย เช่นป้ายผ้า โปสเตอร์ โบรชัวร์ ฉลากสินค้า รวมทั้งพาลูกค้าไปดูการแข่งขันที่สนามแข่งของสโมสรและพบปะกับนักแข่ง

“ในปีที่ผ่านมาเรามีการสนับสนุนกิจกรรมกีฬาหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย ที่เป็นสปอนเซอร์ในรายการศึกเจ้ามวยไทย และซูเปอร์มวยไทย ซึ่งการเป็นผู้สนับสนุนทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ในครั้งนี้ก็คาดว่าจะเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์มากขึ้น ส่วนรูปแบบกิจกรรมที่จะมีการทำนั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณากันอีกทีหลังจากนี้”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,211 วันที่ 20 - 23 พฤศจิกายน 2559