เตือนระวังหายนะ ปล่อยข้าวไทย 10 ปี ส่งขายต่างประเทศ

10 พ.ค. 2567 | 03:30 น.

เตือนระวังหายนะ ปล่อยข้าวไทย 10 ปี ส่งขายต่างประเทศ : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...กาแฟขม หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,991

*** ประเทศไทยยามนี้ มีเรื่องใหญ่ๆ ไม่กี่เรื่อง แน่นอน 1 ในนั้นเป็นเรื่อง ดราม่า “ข้าวไทย 10 ปีไม่มีเสื่อม” รองนายกรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชชยชัย เสี่ยอ้วนขนทัพข้าราชการ สื่อมวลชนลงไปชิมข้าวค้างโกดัง 10 ปี ที่ จ.สุรินทร์ ภาพข่าวที่ออกมายิ้มร่า รับประทานได้กันได้ทั้งคณะ ฟังเสี่ยอ้วนว่า ขออย่าให้เป็นดราม่าเลย ข้าวแต่ละถุงมีความแตกต่างกัน มีฝุ่นมากฝุ่นน้อย จะซาวจะกี่ครั้งก็ซาวเถอะ ซาวให้สะอาด วันที่ไปก็ซาวกันแค่ 5 ครั้ง ส่วนใครจะซาว 10 หรือ 15 ครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับความในใจของตัวเอง ไม่ใช่ประเด็น อย่าเบี่ยงประเด็นไปอย่างอื่น

*** ข้าวเน่าหรือไม่เน่า อยู่ที่การเก็บรักษา ซึ่งทดลองให้สื่อมวลชนเข้าไปดูด้วย อยากจะเจาะตรงไหนก็เจาะ และข้างบนสามารถเจาะจากตรงกลาง ที่ส่วนใหญ่ชอบซ่อนข้าวที่ไม่ดีไว้ เจาะลงไป 15 ชั้น นำโดรนขึ้นไปบินและถ่ายออกมาให้ดู ทุกอย่างทำโปร่งใส ไม่อยากให้นำจินตนาการมาชี้นำความจริง เอาความจริงมาพูดและแก้ปัญหา พิสูจน์ทางกายภาพ เม็ดข้าวไม่มีแตก แต่มีเหลือง เป็นเรื่องธรรมดาของข้าวหลายปี สีให้ขาวได้ เรื่องรมยาอบข้าว รมข้าว 14 วัน สามารถเข้าไปได้ กลิ่นต่างๆ ก็ออกไป 

*** ตามธรรมชาติ ตามเทคนิค เอาหมอมาคุย อย่าไปนั่งพูดแล้ววิจารณ์ทำให้ของอยู่กับที่อย่างนี้ ปัญหาไม่ได้แก้ ไม่มีประโยชน์ พวกเชื้อรา ดูแล้ว คิดว่าไม่น่ามีปัญหา คนจะมาซื้อต้องตรวจอีกที วันนี้นำไปขายได้ ไม่ต้องกลัว ไม่ได้นำเรื่องนี้ไปทำลายชื่อเสียงประเทศ อย่าดราม่า ความจริงไม่ได้เกี่ยวข้องกับว่ากินได้หรือกินไม่ได้

แต่ปัญหาที่เคยพูดกันว่า ข้าว 1 ปีก็เน่า มาพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าว 10 ปี กายภาพไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง ไม่แฉะ ไม่ติดหนืด ไม่เหมือนกับข้าว 5 ปี ที่เอามาโชว์ ข้าวจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่การเก็บรักษา การทำจำนำข้าว มีกระบวนการเก็บรักษาเป็นมาตรฐาน วันที่ไปดูนำเซอร์เวย์เยอร์ ไปตรวจข้าวจำนวนมากแล้ว ไปขายในต่างประเทศเป็นที่ยอมรับ ทุกกระบวนการที่จะมีปัญหาได้พิสูจน์แล้ว หากบอกว่ามีอะไร เดี๋ยวจะพิสูจน์ให้ อย่าพูดไปเรื่อยๆ” 

*** ว่าที่จริงแล้ว ก็ไม่ควรดราม่า แต่ รองฯ ภูมิธรรม ก็ควรฟังข้อมูลด้านอื่นบ้าง โดยทางกายภาพข้าวพืชอายุสั้น มียาง เก็บได้ไม่นาน โดยเฉพาะหลังการสี เป็นข้าวสาร เก็บในโกดังที่ไม่ได้ควบคุมอุณหภูมิ เหมือนเก็บในไซโล ที่ควบคุมอุณหภูมิเหมาะสมเก็บได้นาน และกระสอบป่านที่บรรจุนั้น ยังเพาะเชื้อได้เป็นอย่างดี ในการทำให้ข้าวเกิดเชื้อ รา มอด ที่โดยปกติ ธัญญพืชแทบทุกชนิดข้าว ข้าวโพดพวกนี้ กลัวความชื้น ที่จะทำให้เกิดเชื้อรา และเชื้อปนเปื้อนที่เรียกกันว่า อะฟลาท็อกซิล ซึ่งก็มีค่าวัดอยู่ 

ตลาดผู้นำเข้าที่มีมาตรฐานแค่ปนเปื้อนเชื้อพวกนี้นิดเดียว เขาก็ห้ามนำเข้าแล้ว เพราะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคของเขา ในพืชเกษตรหลายชนิดของไทยที่ส่งไปสหภาพยุโรป หรือ อียู ให้กระทรวงพาณิชย์ไปไล่ดูเถิด ถูกแบนมาแล้วหลายครั้ง 

ครั้นถ้ารองภูมิธรรมเชื่อมั่น มั่นใจ ก็ชักตัวอย่างถุงข้าวที่ซ้อนๆ อยู่ข้างใน หรือแค่โกดัง 2 โกดัง อย่างที่ว่าก็ผ่ากองออกมา ส่งตัวอย่างข้าวให้แล็ปมาตรฐาน ตรวจรับรองก็จะเพิ่มความเชื่อมั่นขึ้นมาได้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขก็บอกว่าพร้อมให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจให้ 7 วันรู้ผลมิใช่หรือ 

*** ถ้าหากยังไม่มีแล็ปกลาง หรือแล็ปมาตรฐาน ที่ไม่ใช่ห้องตรวจมาตรฐานของกลุ่มเซอร์เวเยอส์ ตรวจสอบก็อย่าเพิ่งปล่อย อย่าเพิ่งเอามาประมูลเลย แม้ท่านจะชิมแล้วก็ตาม ด้วยเหตุว่า ถ้าสินค้าที่คลุมเครือหลุดเข้าตลาด แม้จะขัดสี ขัดขาว ขจัดมอด กรองเชื้อราแล้วก็เถอะ ความเชื่อมั่นในตลาดข้าวไทยจะหดหายทะลายลงทันที 

แล้วอย่าคิดไปด้อยค่าผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศ อย่างที่มีการพูดกันว่า จะส่งไปตลาดภูมิภาคแอฟริกา อันนี้ก็ไม่ควรทำ ในอดีตที่ผ่านมา รองฯภูมิธรรม ลองไปตรวจสอบดู มีการส่งข้าวไปแอฟริกา ในโครงการเวิร์ลฟู้ดส์โปรแกรม ของทาง UN เขามาซื้อข้าวจากผู้ส่งออกบางรายของไทยส่งไปช่วยเหลือประเทศในแอฟริกา ปรากฏว่า บางชิปเม้นท์ข้าวมีรังมอดเป็นไยๆ เปื้อนไปด้วย ทางเจ้าหน้าที่ UN ตำหนิทางการไทยอย่างหนัก เห็นคนแอฟริกาเป็นอะไร ปล่อยให้ออกไปได้อย่างไร ในเชิงของมนุษยธรรมไม่สามารถทำได้ 

อันที่จริงลักษณะนั้นแค่ปาดรังมอด หยากไย่ออกไม่มีเชื้ออื่นเปื้อนผสมใหม่ก็บริโภคได้ แต่คราวนี้ยังสุ่มเสี่ยงในเรื่องเชื้อปนเปื้อน ซึ่งยังไม่มีหลักฐานในทางวิทยาศาสตร์อย่างเด่นชัด ถ้าปล่อยให้เข้าตลาดไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศ จะนำมาซึ่งผลกระทบกับความเชื่อมั่น และมาตรฐานซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของตลาดข้าวไทยได้

 ***ว่าเรื่องข้าวมาซะยาว ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วลองไปค้นหาสาเหตุดูหน่อย ข้าวโกดังนี้เปิดประมูลมาหลายรอบแล้วมิใช่หรือ แล้วทำไมผู้ที่ประมูลได้ ถึงไม่ยอมมารับมอบข้าวเสียที ยอมให้ริบมัดจำไปหลายครั้ง เงินมัดจำก็ไม่ใช่น้อยๆ มูลค่าข้าวตอนเปิดประมูลเป็นหลัก 4-5 ร้อยล้านบาท มัดจำก็เป็นหลักสิบๆ ล้าน ครั้งหลังๆ เปิดประมูลก็ไม่มีผู้สนใจเข้ายื่น มันก็แปลกๆ อยู่ ด้วยเหตุผลกลใดหนอ เพราะถ้าดูที่ผ่านมาตลาดดี ราคาดี ถ้าข้าวดีผู้ส่งออก โรงสีที่ส่งออกพวกนี้จมูกไว ต้องเร่งคว้าไว้ ที่ผ่านมาหาข้าวขายกันจ้าละหวั่นมิใช่หรือ พระเดช พระคุณ!  

ถ้าจะฟื้นฝอยเรื่องนี้มันยาวเป็นมหากาพย์จริงๆ ต้องไม่ลืมว่า การจำนำข้าวสมัยนั้น ถูกเข้ากระบวนการไต่สวน และตัดสินโดยศาลแล้วหลายคดี และสร้างความเสียหายที่เป็นภาระทางการคลัง ที่ต้องตั้งใช้หนี้โครงการกันหลายปีเป็นแสนๆ ล้าน และ ยังมีอีกหลายคดีที่อยู่ในชั้น ป.ป.ช., ปปท., อัยการ ก็ชวนให้น่าติดตามการคลี่คลาย จะออกมาอย่างไร จะหายไป จะโผล่ขึ้นอย่างไร ก็ให้ความจริงเป็นประจักษ์พยาน ให้กับบ้านนี้เมืองนี้เถิด...

                          เตือนระวังหายนะ ปล่อยข้าวไทย 10 ปี ส่งขายต่างประเทศ