อาถรรพณ์ที่ กับ ธรณีสาร

13 เม.ย. 2567 | 02:52 น.

อาถรรพณ์ที่ กับ ธรณีสาร คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

อาถรรพ์ สะกดอย่างนี้ก็ได้ สะกดอย่าง ณ์ ก็ได้_อาถรรพณ์ แต่ออกเสียงอย่างเดียวกันว่า “อา-ถัน” ข้างพูกัน กฤติอังกูรแกเปนเด็กกล้า ได้วิชาประถม 5 มาแล้วเห็นหัวต้นฉบับนี้แกอ่านออกเสียงทันทีว่า “อา-ถับ” 555 

พอทักเถียงเข้าก็ว่า พ พานมันสะกด ก็ต้องถับน่ะสิ ก็ปลงปัญญาจะถกเถียงกับเยาวชน 55 ก็ทีชุมพร ใช้ ร - อ่าน รอ ยัง พอน แล้วชุมพล ใช้ ล - อ่าน ล ทำไม เกิด พน ขึ้นมา 55 

สัปดาห์ก่อนพาท่านลัดเลาะไปแถววัดลุ่ม ซึ่งคราวเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินยังเปนพระยาวชิรปราการไปยั้งทัพกู้ชาติรออยู่ตรงนั้น ก่อนจะเสด็จไปบางกะจะหัวแหวนชายแดนระยอง/จันทบุรี แล้วมีโองการให้ทุบหม้อข้าวไปเอาเมืองจันทบุรีเปนลำดับต่อไป

อีทีนี้ก็เหมาะใจว่า ในละแวกภาคตะวันออกนี้ตั้งกะชลบุรี ระยอง จันท์ ล้วนมีกลิ่นอายอาถรรพณ์ในรูปแบบต่างๆเจือปนในวิสัยทัศน์แห่งประวัติศาสตร์กันอยู่ จึงใคร่ขอพาท่าน รีซูมย้อนไปในวัน_เวลากันสักนิด

เมื่อครั้งพระเจ้าตากสาละวนกู้ชาติอยู่นั้น ที่เมืองชลบุรี ยังมีนักเลงโตอยู่คนนึง ชื่อนายทองอยู่ (นกเล็ก) ตั้งตัวเปนใหญ่รวบรวมพลไพร่กันคึกคัก ใครจะไปหาเจ้าตากที่เมืองแกลงต้องเดินทางผ่านเมืองชลบางปลาสร้อย มาเจอนายทองอยู่ (นกเล็ก)นี่เข้า แกก็จะเกลี้ยกล่อมแกมบังคับให้ผู้นั้นสมัครเข้าเป็นพรรคพวกของตัวไว้เสีย เน้นสร้างก๊กสร้างกลุ่มเอกเทศว่างั้นเถิด

เจ้าตากท่านเห็นดังนี้จึงยกทัพจากแกลงขึ้นมาเมืองชล ตั้งค่ายอยู่ที่หนองมนต่อแดนบางละมุง ส่งทีมเสือหมอบแมวเซาอาทมาต_หน่วยสืบราชการลับไปให้หาข่าวดูที ก็ได้ความว่า นายทองอยู่นกเล็กซ่อมสุมผู้คนอยู่จริงแต่ยังมีกำลังไม่มากนัก การณ์เปนดังนี้ จึงเสด็จนำทัพเข้าไปตั้งอยู่ ณ วัดใหญ่อินทาราม ในเมืองชลบุรี เพื่อกำราบฤทธีนายทองอยู่ (นกเล็ก)
 

อีทีนี้ด้วยเหตุว่าทรงเมตตาว่าเปนคนไทยด้วยกัน ไม่จำเป็นก็ไม่ให้ล้มตาย จึงโปรดให้นายบุญรอดแขนอ่อน กับนายชื่นบ้านท่าไข่ พวกสหายนายทองอยู่นกเล็ก เข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อมให้มาอ่อนน้อมเสีย นายทองอยู่นกเล็กได้รับการประสานทางนี้ก็หวั่นเกรงพระบารมีเข้ามาอ่อนน้อมทั้งก็ได้กระทำสัตย์สาบานถวายภักดีต่อท่านด้วย

เสร็จดังนั้นพระเจ้าตากเสด็จขึ้นช้างทรง ให้นายทองอยู่นกเล็กนำเลียบเมือง ให้ปรากฏแก่คนทั้งหลายว่าเมืองชลบุรีนั้นเป็นของเจ้าตากเสียแล้ว จากนั้นก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายทองอยู่นกเล็ก เปนที่พระยาอนุราฐบุรีศรีมหาสมุทร เจ้าเมืองชลบุรี

ประทานโอวาทสั่งสอนว่า

“แต่ก่อนท่านประพฤติการอาธรรมทุจริต ตั้งแต่นี้จงละเสียอย่าได้กระทำสืบต่อไป จงตั้งใจประพฤติกุศลสุจริตธรรม ให้สมควรแก่ฐานาศักดิ์แห่งท่าน พึงอุตสาหะทำนุบำรุงสมณพราหมณ์ประชาราษฎร์โดยยุติธรรม” 

แล้วประทานเงินตราสองชั่ง ไว้ให้สงเคราะห์สมณพราหมณ์ และผู้ยากไร้ขัดสนด้วยข้าวปลา จึงเสด็จเจ้าตากก็เลิกทัพกลับไปเมืองระยอง

ครั้นถึงตุลาคม พ.ศ. ๒๓๑๐  ท่านได้ทราบการข่าวอีกว่าอีพระยานกเล็กนี้ประพฤติเปนโจรอีกแล้วล่ะตามสันดานเก่า เที่ยวให้สมัครพรรคพวกออกเที่ยวปล้นเรือสินค้า แย่งเอาสมบัติของชาวบ้านเปนที่เดือดร้อน เปนพระยาอนุราฐอยู่ดีๆไม่ชอบใจ

เจ้าตากเสด็จไปปราบหลังทรงชำระความได้เปนสัตย์จึงสั่งประหารนายทองอยู่นกเล็กเสีย แต่ผู้ร้ายของเรา แกสะดือเปนทองแดง!คงกระพันในตัวแทงฟันมิยอมเข้า จึงโปรดเกล้าให้พันธนาการแล้วเอา ลงถ่วงน้ำเสียในทะเลก็ถึงแก่ความตาย พรรคพวกนอกนั้นเช่นหลวงพล และขุนอินเชียง ก็โดนราชทัณฑ์ตายตกไปตามกัน
 

จากนั้นสมเด็จเจ้าตากโปรดให้สร้างพระพุทธรูปทำกุศลให้พวกเขาเหล่านี้ นัยยะว่าอุทิศกุศลเจ้ากรรมนายเวร ตั้งไว้ริมทะเล ส่วนศพทั้งหลายเอาไปฝังไว้ใกล้ๆตะแลงแกง ตรงดงต้นตาล ต่อมาน้ำทะเลนั้นเกิดกัดเซาะจุดตั้งพระพุทธรูปที่ทรงพระกรุณาสร้างอุทิศ เปนเวลาพอเหมาะพอดีกับเกิดเหตุเภทภัยนานาในเมืองชล

ท่านเจ้าเมืองชลยุครัตนโกสินทร์ขออาราธนานิมนต์พระเถระสำคัญสมาบัติ เมตตาตรวจส่องดู ท่านเจริญสมาบัติย้อนกรอภาพไปในกาลเวลาจึงพบสาเหตุ พิจารณาถ้วนแล้วจึงให้แก้อาถรรพณ์ ด้วยการสร้างโบสถ์ทับจุดฝังศพพระยานกเล็กและพวกเสีย 

จากนั้นอาราธนาพระพุทธรูปที่ทรงสั่งสร้างให้มาประดิษฐานทับไว้ในโบสถ์นี้ให้มีความร่มเย็น สงบงาม จำเนียรกาลผ่านมา เรื่องคลี่คลายก็คล้ายจะเขม็งเกลียวขึ้นมาอีก

เมื่อวัดโบสถ์สวนตาลนี่เวลาผ่านมากลับกลายเปนวัดร้าง! และศาลเเขวงชลบุรีมาสร้างเบียดอยู่ข้างๆ

ประดาผู้พิพากษาก็มีเรื่องร้อนเรื่องแปลกในหลังคาโรงศาล ยามนั้นมีผู้สมองไวให้ไปหา ท่านพระครูชลโธปมคุณ เจ้าคณะธรรมยุต สถิตอยู่วัดบางทราย

ท่านผู้นี้ร่างโปร่งโงนเงน กำเนิดในสกุลผู้ดีทางเมืองบางปลาสร้อย ท่านเปนศิษย์สายตรงในสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจริญ ร่วมกับท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต เปนพระธรรมยุตสมถะ ทรงตบะเดชะกล้า

ท่านได้เพ่งมองเข้าไปในโบสถ์ปิดร้างนั้น และสั่งให้รื้อทำความสะอาด ต่อคอ ซ่อมแซมพระพุทธรูปเก่าแก่ที่แตกหัก ปิดทองใหม่ทั้ง 18 องค์ เปิดให้ผู้คนได้ทำกุศลตามปกติ 

คดีอาถรรพณ์พระยาทองอยู่นกเล็กที่มีมาก็ค่อยๆ คลี่คลาย 

ดังนี้ก็เปนตัวอย่างว่า งานก่อสร้างงานประดาที่ดินที่ทางต่างๆนั้น เปนของเก่าแก่ดึกดำบรรพ์เกิดมาพร้อมกับโลก กว่าจะเข้ามือเราก่นสร้างพัฒนาต่างๆ มีเหตุประหลาดติดขัดเปนอาถรรพณ์ก็อย่าวางใจ ควรริเริ่มหาวิธีแก้ไขในทางลึกทางลับ

จากประสบการณ์ผ่านมาในกรณีอาโถกอาถรรพณ์นี้ก็มาก ซึ่งจริงแล้วเรื่อง อะไรเปนอุบาทว์อัปมงคลก็ไม่อยากจะพูดหรือจารึกไว้หรอก_เรื่องมันไม่ใช่เรื่องดี แต่เพื่อเปนวิทยาการเครื่องประดับรับความรู้แก่ผู้อาจบังเอิญจะติดข้อง ก็ต้องเห็นว่าดีงาม ในอันที่จะให้วิทยะฐานแจกจ่าย

นานมาแล้วมีผู้สามารถบอกกล่าวไว้ว่าที่บ้านในกรุงมีเหตุอาเพศอาถรรพณ์ รอดูอยู่ก็เพิ่งจะได้พบมาในช่วงสิบปีนี้ ค่อยๆสำแดงฤทธีของมันออกมา แต่ทว่าไอ้เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันที่ว่านี่คืออะไร ได้แต่จับตาดูอาการของมันเท่านั้น

ที่ดินผืนนี้ตกทอดมาชั่วคนที่ 7 เข้าแล้วบรรพชนทั้งหลายเปนใครคนชั้นปัจจุบันก็ไม่รู้จัก ได้ทราบแต่ชื่อของพวกท่านซึ่งเรียงรายเปนลำดับทอดชื่อลงมาในโฉนด ไม่เคยเห็นหน้า รู้แต่ว่าญาติเยอะและอยากได้
 


เช้าวันหนึ่งก็ตั้งใจขุดหลุมเพื่อจะฝังไม้มงคล 9 อย่าง ตามท่านเจ้าคุณพระมงคลกิจโกศล (ชวโร) ท่านสอนวิชาให้คนสื่อมา คนนี้แกว่าต้องทำๆ

ไม้มงคลเก้าประการนั้นคนมีวิชาไทยๆนับหน้าถือตาว่า มีมงคล ประกอบไปด้วย กันเกรา/สักทอง/ทรงบาดาล/ชัยพฤกษ์/ราชพฤกษ์/ไผ่สีสุก/ขนุน/พยุง/ทองหลาง ขัดล้างแลแก้ไขประดาอาถรรพณ์ได้

ก่อนจะฝังลงไปนั้นต้องขุดหลุมให้ได้สักศอกหนึ่งก่อน ก็ไม่รู้อะไรดลใจไปเลือกขุดหลุมที่จุดๆหนึ่ง เตรียมจะทำพิธีตอกไม้ ยามเมื่อขุดลงไปศอกก็ได้เจอมันวัตถุอาถรรพณ์ คือหวีหัก ที่มั่นใจว่าไอ้หอกหักจัญไรคนหนึ่งมันทะลึ่งมาฝังไว้นานแล_จะเอาที่55

พวกเมืองชลสอนไว้นานมาในวิชชาเจ้าพ่อนักเลง ท่านว่าน้องเอ๋ย ใครเคยสบตาแล้วต่อมามันไม่สบ ไอ้นั้นคิดทำ เราแล้วยิงทิ้งได้ มาเจอกับตัวจริงจังก็งานนี้ คิดถึงว่ากติกาเก่าแก่ไทยคดีเราโบราณมา ถึงเวลาเจอวัตถุความอาถรรพณ์อันเช่นนี้ ก็ต้องใช้วิธีทำน้ำมนต์ธรณีสารแก้ไข

แต่ว่าธรณีสาร คืออะไร? 

นัยยะหนึ่งเปนคำสรุปเรียกรวมปรากฏการณ์ที่ไม่เปนมงคล อย่างที่เมืองเหนือเราว่ามัน “ขึด” เช่นว่า แมงมุมตีอก หนูกกในเรือน เสาเรือนตกมัน ไม้หักทับที่ เหี้ยแล่นขึ้นบนเรือน ไก่เถื่อนเข้าบ้าน งูเหลือมขึ้นร้าน แร้งจับหลังคา ข้าวสารแช่น้ำงอกขึ้นเป็นใบ เห็ดงอกในเตาไฟ สัตว์ขึ้นไข่บนฟูกหมอน วัวควายเขาหัก ฝันร้ายมิดี เงาหัวพิกล หญิงชายข้าคน นอนกรนนอนคราง นอนหลับตาค้าง น้ำลายไหลนอง หม้อร้องเป็นเสียงฆ้อง เรือร้องเป็นเสียงช้าง กล้วยออกปลีข้างข้าง กลายเป็นดอกบัว ผีให้ผีหัว ทำให้คนกลัว ตัวสั่นทาว ๆ สัมฤทธิ์ทองขาว แตกร้าวกระจาย หัวแหวนสลายเขี้ยวงาพิการ ขึ้นร้านถล่ม  หมาขึ้นหลังคา นมเค้านกแสก บินแถกเอาขวัญ ตกบ่อตกเสา ปลูกเรือนหว่างกลาง พี่น้องต่างกันรุกที่รุกแดน แม่ไก่ขันกลับมาฟักไข่ จิ้งจอกหมาไน วิ่งไล่เห่าขบ แร้งคาบเอาศพ มดปลวกขึ้นฝา งูทับสมิงคลาเลี้อยมาเข้าบ้าน ฟักทองขึ้นร้าน กลายเป็นนาคี กล้วยตายคาปลี หมาเยี่ยวรดตีน ขุดตอใต้ดิน หินหักสองท่อง ที่ลุ่มที่ดอน น้ำลดตลิ่งพัง  วัวไถนามากลางตลาด บาตรแตกสาแหรกขาด ตะลุ่มทาชาด กินซ้อนเปลือกหอย ขุดค่อมตอไม้ ทิ้งไฟทิ้งเรือน ก้างปลาจิ้มพัน หายใจรดกัน ปลูกเรือนร่วมวัด ไม้กวาดปัดหลังคา เสาเรือนฟ้าฝ่า หลังคาไฟไหม้ปักไม้เจาะเสา แมลงสาบเลียหัว ผ้านุ่งกับตัว เรือนเซทับคน วัวชนควายเฉี่ยว ฯลฯ

ธรณีสารนัยยะนี้ เหมือนสัญญาณเตือนว่าจะมีเหตุร้ายแรงต่อไปอีก ต้องหาทางระงับยับยั้งเสีย

ตามธรรมเนียมคนเรามีครูจะทำสิ่งใดก็ต้องตั้งจิตให้ใจคอมั่นคงเสียก่อน แล้วจึงกาดระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยคุณบิดามารดา คุณครูอาจารย์ และบรรพชน สวดรำลึกด้วยคาถา พุทธะคุโณอนันโตฯ เปนการสำรวมใจ ทำจิตให้นอบน้อมด้วยบทสัมพุทเธก่อนก็ได้-นะมะการานุภาเวนะฯ 


ตั้งขันน้ำมนต์ ตัวน้ำให้เจ้าของที่ตักมาให้ ติดเทียนขี้ผึ้งเสียให้ดี กล่าวชุมนุมเทวดา แล้วจึงอาราธนาสวดพระปริตร ดอกไม้ธูปเทียนพร้อมแล้ว มนต์ด้วยคาถาสำหรับธรณีสารใหญ่ปิดด้วยธรณีสารเล็ก 

อนึ่งว่าสำหรับปุถุชนคนธรรมดาเดินญาณสมาบัติมิได้ ก็เเก้ทางด้วยการปฏิบัติตนให้สะอาด สมาทานรักษาศีล นุ่งห่มสำรวม สวดมนต์ภาวนา ก็พอใช้ได้ตามกำลังบริสุทธิ์ ได้น้ำที่มนต์ด้วยคาถาสำหรับธรณีสารแล้วก็ราดรดลงไปในที่อุบาทว์นั้น

ส่วนหวีเสนียดท่านว่าราดน้ำมนต์แล้วให้ห่อจับด้วยใบไม้มงคลเช่นสักหรือโพธิ์ เอาออกนอกรั้วบ้าน ว่าคาถาถอนไปด้วยว่า นะเคลื่อน โมคลอน พุทถอน ธาเลื่อน ยะเคลื่อน หลุดลอย ปล่อยไปด้วยนะโมพุทธายะ แล้วเอาเบนซินราด เผาไฟเสีย ข้างอีหวีโดนไฟแล้วมันไม่หายสูญ แค่ละลายงอเหลว ถือว่ามันแปลงรูปแล้วด้วยพระอัคคีมีความเสื่อมลงไป ใช้ใบสัก/ใบโพธิ์ห่อ จากนั้นเอามาทิ้งน้ำยังปากน้ำพระสมุทรคงคา ขอขมาพระแม่คงคาแล้วเขวี้ยงลง ทำใจเปนกลางแล้วว่า “มาทางไหน ให้ไปทางนั้น!”

กติกาท่านว่ามันจะสะท้อนกลับหาคนทำไปเอง แต่ถ้าใจแค้นเคืองพยาบาทกลับมันจะไม่ได้ผล ได้แค่ทำเราไม่ได้ อีกเฉยๆ ไม่ไปเข้าหาคนทำ

อนึ่งว่า ถ้าว่าคาถาไม่เปน เจออย่างงี้แล้ว จวนตัว ให้ฉี่รดเสีย ถ้าได้เยี่ยวสตรีคร่อมฉี่รดลงไปยิ่งดี มิเช่นนั้นบุรุษควักองค์กำเนิดออกมาทั้งยวงแล้วเยี่ยวใส่ใช้ได้เหมือนกัน

กลับมาที่เมื่อถอนอาถรรพณ์ไปแล้ว เหลือวาระที่ต้องฝังไม้มงคลต่อ ก็ควรตั้งพิธีตอกไม้ให้เชิญครูอาจารย์มา ตั้งหม้อน้ำมนต์เข้ากล่าวคาถามงคลปริตรต่างๆ

ตอกไม้ในหลุมตามทิศ รอบที่ 1 ปิดด้วยน้ำมนต์และทราย ใส่กิ่งทับทิม 9 ยอด ทุกครั้งที่ไม้ทิ่มดินให้กลั้นใจแล้วตอก สีสุกลงก่อน ตามด้วยทรงบาดาล ไล่ไปจนจบที่ราชพฤกษ์ และขนุน รอบที่สองใช้วิธีวางไม้แทน ให้เกิดเปนรัศมี

ในแนวนอน คำรบที่สามสวดยันทุน และพาหุงจึงปิดด้วยแผ่นศิลา ประพรมน้ำมนต์อีก และว่าเทวตาอุยคาถาส่งเทวดา 

เสร็จเรื่องแล้วให้ทำสังฆทาน 4 รูป ส่งกุศลไปให้ ท่านครูต่างๆที่ลงมาช่วยเจ้าของมนต์ต่างๆที่นำมาใช้ ท่านเจ้าที่

เจ้าทางที่ถูกกระทำ และกองกุศลเหลือไว้ให้เราเอง