ญี่ปุ่นจัดหนักบิ๊กแพ็กเกจ ‘ข้อเสนอการค้า-ลงทุน’จูงใจลุงแซม

14 ก.พ. 2560 | 07:00 น.
โลกจับตาผลการหารือระหว่างผู้นำสองมหาอำนาจสุดสัปดาห์นี้ ชินโสะ อาเบะ ย้ำสถานะมหามิตรของอเมริกาในเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมลงทุนในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น และจะซื้อเครื่องบินรบพร้อมยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯมากขึ้นด้วย

ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มองว่าเป็นตัวการที่ทำให้สหรัฐฯขาดดุลการค้าอยู่อย่างมโหฬารในเวลานี้และเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าข่าย “ปั่นค่าเงิน” เพื่อประโยชน์ทางการค้า โดยในปี 2559 ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่สองของสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าถึง 6.89 หมื่นล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับเยอรมนีและเม็กซิโกที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯอยู่เช่นกัน ส่วนประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯมากเป็นอันดับหนึ่ง ที่ 3.47 แสนล้านดอลลาร์นั้น ได้แก่ ประเทศจีน

[caption id="attachment_129812" align="aligncenter" width="503"] ในปี 2559 ญี่ปุ่นนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) จากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกือบๆ 44% ในปี 2559 ญี่ปุ่นนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) จากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกือบๆ 44%[/caption]

หลังเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วัน ทรัมป์กล่าวตำหนิโตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากญี่ปุ่น ที่มีแผนจะเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่ในเม็กซิโก ทั้งยังขู่ว่าญี่ปุ่นควรจะต้องซื้อสินค้าจากสหรัฐฯให้มากกว่านี้ เช่นซื้อรถยนต์อเมริกัน และต้องเลิกปั่นค่าเงินหรือทำให้ค่าเงินเยนอ่อนลงเกินจริงเพื่อหวังช่วยภาคการส่งออกของญี่ปุ่น

เป็นที่คาดหวังกันอย่างมากว่า นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นจะสามารถยื่นข้อเสนอการค้า-การลงทุนที่ดึงดูดใจผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งจะต้องเป็นข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์ให้กับทั้งสองฝ่าย ญี่ปุ่นเองไม่ต้องการมีปัญหากับสหรัฐฯซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 1 ของสินค้าญี่ปุ่น การเจรจาครั้งนี้จึงมีเดิมพันสูง หนึ่งในข้อเสนอของอาเบะคือการยืนยันกับสหรัฐฯว่า ญี่ปุ่นไม่ใช่ภาระของสหรัฐฯ เพราะญี่ปุ่นพร้อมที่จะออกเงินดูแลเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของตัวเองได้ และพร้อมที่จะสั่งซื้อเครื่องบินรบ รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ แม้จะไม่มีคณะนักธุรกิจติดตามมาด้วยเป็นคณะใหญ่ ผู้นำญี่ปุ่นได้เตรียมนำเสนอแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐฯ ที่จะช่วยสร้างการจ้างงานให้กับชาวอเมริกัน ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายน 2559 นายมาซาโยชิ ซัง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ซอฟต์แบงก์ ผู้ลงทุนรายใหญ่ของญี่ปุ่นได้เข้าพบหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ในนครนิวยอร์กและรับปากว่าจะเดินหน้าแผนการลงทุน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ และนั่นจะก่อให้เกิดการจ้างงาน 5 หมื่นตำแหน่ง

สำหรับแผนการลงทุนในสหรัฐฯฉบับที่จะนำเสนอโดยนายอาเบะนั้น ครอบคลุมถึงข้อเสนอการลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูง การพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) ร่วมกัน ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงการลงทุนสร้างที่เก็บก๊าซธรรมชาติเหลวในเมืองท่าของสหรัฐฯเพื่อการส่งออกไปยังญี่ปุ่นและจุดหมายปลายทางอื่นๆในเอเชีย ทั้งนี้ในปี 2559 ญี่ปุ่นนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ แอลพีจี จากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกือบๆ 44% (ในเชิงปริมาณ)

สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า อาเบะได้รับแรงสนับสนุนจากภาคธุรกิจเอกชนของญี่ปุ่นในการมานำเสนอแผนการค้า-การลงทุนให้กับทรัมป์ เพราะเห็นว่าข้อเสนอเหล่านี้มองประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นที่ตั้ง และจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย เพราะนโยบายส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐฯของประธานาธิบดีทรัมป์ก็น่าจะเป็นโอกาสอันดีแก่บริษัทญี่ปุ่นที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในตลาดสหรัฐฯอยู่แล้วสถิติในปี 2559 ชี้ว่า สหรัฐอเมริกาเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของการลงทุนโดยตรง (FDI)ของญี่ปุ่น โดยเม็ดเงินลงทุน FDI ของญี่ปุ่นในสหรัฐฯเมื่อปีที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 4.6 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ญี่ปุ่นเข้าไปลงทุนในยุโรป (3.98 แสนล้านดอลลาร์) และเอเชียโดยรวม (3.76 แสนล้านดอลลาร์)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,235 วันที่ 12 - 15 กุมภาพันธ์ 2560