บริษัทอสังหาฯที่มีราคาหุ้นพุ่ง 2,500 % ใน3 ปี

10 ก.พ. 2560 | 09:00 น.
ในประเทศฟิลิปปินส์ มีหนุ่มที่เรียนมหาวิทยาลัยไม่จบคนหนึ่งชื่อ นายเอ็ดการ์“อินจัป”เซีย (Edgar "Injap" Sia )เริ่มธุรกิจของตัวเองด้วยการขายไก่ย่างในประเทศฟิลิปปินส์ ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ มีราคาหุ้นพุ่งขึ้นสูงสุดในเอเชีย

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของนายเซีย ชื่อ ดับเบิลดรากอนพร็อพเพอร์ตี้ เข้าตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ในปีเดือนเมษายน 2557 เมื่อสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นเมื่อเทียบกับตอนเข้าตลาดเพิ่มขึ้น 2,500 % เอาชนะหุ้นบริษัทอสังหาฯชั้นนำ 460 บริษัททั่วเอเชีย รวมทั้งบริษัทอสังหาฯในจีนด้วย ทั้งที่บริษัทนี้เป็นเจ้าของและบริหารเพียงบางส่วนของพื้นที่ในอาคารของบริษัทคู่แข่งเท่านั้น

ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นในเวลาไม่ถึง 3 ปีทำให้มูลค่าตลาดของดับเบิลดรากอน ล่าสุดอยู่ที่ 115,100 ล้านเปโซ (ประมาณ 8.28 หมื่นล้านบาท)

นายเซีย เรียนคณะสถาปัตย์แต่ดร็อปการเรียนตอนอายุ 19 ปีและหันมาทำธุรกิจขายไก่ย่าง ที่เมืองอิโลอิโล (Iloilo) ในปี 2547 ก่อนขยายสาขาร้านไก่ย่างชื่อ แมง อินาเซา อย่างรวดเร็วจนมีจำนวนร้านมากกว่า แมคโดนัลด์ ในปี 2553 และในปีนั้นเอง นายเซีย อายุ 33 ปี ขายเครือร้านไก่ย่างทั้งหมดให้ จอลลีบี ซึ่งเป็นคู่แข่งธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟูด และร่วมกับนายโทนี่ ตัน แคกเตียง ผู้ก่อตั้งจอลลีบีและบริษัทเอสเอ็ม อินเวสต์เม้นท์ฯของนายเฮนรี่ ไซ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของฟิลิปปินส์ ตั้งบริษัทดับเบิลดรากอนฯ ขึ้น

วิสัยทัศน์ของนายเซีย ตอนนั้น คือสร้างและบริหารเครือข่ายศูนย์การค้าขนาดเล็กที่มีชื่อว่า ซิตีมอลล์ 100 แห่งในจังหวัดเล็ก ๆ ทั่วประเทศภายในปี 2563 ซึ่งภายในสิ้นปี 2560 นี้คาดว่าจะสามารถสร้างเสร็จได้รวม 50 แห่ง
แบบก่อสร้างของอาคาร ซิตีมอลล์ จะเหมือนกันหมดทั่วประเทศ คือมีชั้นเดียว สร้างบนพื้นที่ไม่เกิน 1 เฮกตาร์ (ประมาณ 6 ไร่ 1 งาน) ให้ผู้เช่าเพียง 1 รายจากธุรกิจธนาคาร ค้าปลีก ร้านยา อาหารและบันเทิง ซึ่งเหมาะสำหรับความต้องการของประชาชนในจังหวัดเล็ก ๆ ซึ่งเป็นคนละตลาดกับธุรกิจของบริษัทเอสเอ็ม อินเวสท์เม้นท์ฯ ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โดยในแต่ละโครงการ

ดับเบิลดรากอน สร้าง ซิตีมอลล์ ในเมืองที่มีประชากร 1 -1.5แสนคน ซึ่งมีจำนวน 85 % ของ 145 เมืองในประเทศฟิลิปปินส์

นายเซียกล่าวว่า โครงการซิตีมอลล์แต่ละแห่งมีบริษัทจอลลีบีฯ ซึ่งมีเครือข่ายร้านอาหาร 5 แบรนด์และบริษัทเอสเอ็ม อินเวสท์เม้นท์ฯ เช่าพื้นที่ประมาณ 2 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้นการหาผู้เช่าจึงไม่ยาก

บลูมเบิร์ก ระบุว่า ตั้งแต่ดับเบิลดรากอน เข้าตลาดในปี 2557 นักลงทุนได้กำไรจากราคาหุ้นสูงสุดในระดับโลกมาโดยตลอด โดยมีเพียงกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเวเนซุเอลา 1 แห่งและ บริษัทของจีนที่บริการทางด้านอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกาอีก 1 แห่งเท่านั้นมีกำไรสูงกว่า ดับเบิลดรากอน

นางคริสตินา อูเลง (Cristina Ulang) ประธานฝ่ายวิจัยบริษัทเฟิสท์เมโทรอินเวสเม้นท์คอร์ป ในมะนิลา กล่าวว่า “หุ้นตัวนี้มีผลงานเหนือกว่าตัวอื่น เพราะนักลงทุนเชื่อในโมเดลธุรกิจของบริษัท ซึ่งเน้นปิดช่องว่างการค้าปลีกทางภูมิศาสตร์ ดับเบิลดรากอนเน้นรุกเฉพาะเมืองเล็ก ๆ ซึ่งมีโอกาสขยายตัวที่ดี ทำให้นำหน้าบริษัทอื่น ๆ ไปหลายขุม”

นางอูเลง กล่าวว่า ราคาหุ้นของดับเบิลดรากอนที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดสูงสุดในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ทำให้ บริษัทของนายเซียกลายเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เบียดเอาชนะบริษัท เมกะเวิลด์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯที่มีที่โครงการพัฒนาที่ดินสำหรับธุรกิจเอาต์ซอร์ซ ประเทศคอลล์เซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ได้อย่างสบาย

บลูมเบิร์กระบุว่า หุ้นของดับเบิลดรากอนเคยขึ้นไปสูงสุดและตกลงมาแต่ก็มีแนวโน้มจะรีบาวด์และขึ้นไปอีก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,234 วันที่ 9 - 11 กุมภาพันธ์ 2560