ใครที่ซื้อ ตัวถังเปิดประทุนหรือ “คอนเวอร์ติเบิล” (Convertible) ถือเป็นหนึ่งเวอร์ชันพิมพ์นิยมของ “มินิ” (Mini) แม้เมืองไทยอาจจะขายไม่มากครับ แต่ในยุโรปหรืออเมริกาได้การตอบรับที่ดีอยู่
ในยุคที่ “มินิ” เพิ่มทางเลือกตัวถังหลากหลายหรือมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้ง แฮตช์แบ็ก 3 ประตู,แฮตช์แบ็ก 5 ประตู,คูเป้(โฉมใหม่ยังไม่มา) คลับแมน(แวกอน) และคันทรีแมน (เอสยูวี) ยังไม่นับทางเลือกขุมพลังดีเซล,เบนซินที่แยกย่อยระดับความแรงเข้าไปอีก ซึ่ง“มินิ”ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำเข้ามาขายหมด(คันทรีแมน ประกอบในประเทศ)
มินิ คอนเวอร์ติเบิล เปิดตัวในเมืองไทยไปเมื่อต้นปีที่แล้ว ด้วยทางเลือกเดียวคือ คูเปอร์ เอส (Cooper S) เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 192 แรงม้า ราคา 3.05 ล้านบาท ส่วนตัวถังยาว 3,837 มม. กว้าง 1,727 มม. สูง 1,415 มม. และระยะฐานล้อ 2,495 มม. (+28 มม.) โดยขนาดตัวขยับขยายขึ้นตามรุ่นแฮตช์แบ็ก 3 ประตู
ขณะที่หลังคาผ้าใบหรือซอร์ฟท็อป ควบคุมการเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าสามารถกางออก-พับเก็บได้ในเวลา 20 วินาที และสั่งการได้ในแม้ในเวลาที่รถวิ่งแต่ความเร็วต้องไม่เกิน 30 กม./ชม.
ผมลองมาแล้วครับ วิ่งเอื่อยๆกำลังจะเลี้ยวเข้าซอยบ้าน (ต้องแน่ใจว่าข้างหน้ารถไม่ติด) กดปุ่มเปิดหลังคาทำได้รวดเร็ว และเปลี่ยนบรรยากาศการขับขี่ไปโดยสิ้นเชิง
สำหรับหลังคาผ้าใบทำจากวัสดุพิเศษ ทนแดดทนน้ำและทำความสะอาดง่าย แถมข้อดีคือน้ำหนักเบา ส่วนการพับเก็บก็ทำได้เนี้ยบแน่นทุกรอยต่อ แต่จะเสียตรงทำให้รถมีจุดบอด
จุดบอดแรกเมื่อขับแบบปิดหลังคา ตัวผ้าใบจะหนาทึบในช่วงเสาซี-พิลลาร์(เทียบกับรถแฮตช์แบ็กทั่วไป) กรณีเข้าทางร่วมทางแยก คนขับต้องโยกตัวเพิ่มมุมมองด้านหลังซ้ายให้มากขึ้น จุดบอดที่ 2 เมื่อพับหลังคาลงมาหวังท้าฟ้าสู้ลม ตัวหลังคาผ้าใบที่พับลงมาด้านหลังนั้นไม่สามารถพับให้เรียบหรือเก็บมิดชิดหลังเบาะนั่งแถว 2 แต่ยังคงพับตั้งเป็นชั้นๆ ส่งผลให้มุมมองผ่านกระจกมองหลังหดหายไปด้วย
เหนืออื่นใด หากใครเห็นว่าเป็นรถแบบเปิดประทุน แล้วอยากชวนเพื่อนๆ 2-3 คนให้นั่งไปเที่ยวด้วยกันคงต้องถามเพื่อนให้ดีว่า อยากนั่งด้านหลังหรือไม่ เพราะเบาะของผู้โดยสารด้านหลังนั้น ออกแบบพนักพิงตั้งชัน ระยะห่างช่วงขา(Leg room) จำกัด เรียกว่าแคบและนั่งไม่สบาย
ด้วยความเป็นมินิขับสนุกมี DNA แฝงอยู่ในรถยนต์ทุกรุ่นครบทุกตัวถัง ดังนั้นเมื่อคุณได้นั่งหลังพวงมาลัย ก็อาจจะอยากรีดเร่งเค้นพลัง ลองสัมผัสอาการในโค้ง ซึ่งม้าในคอก 192 ตัวพร้อมทำงานเต็มที่ครับ เช่นดียวกับการควบคุมเฉียบคม ช่วงล่างหนึบแน่นและกระด้างน้อยกว่ารุ่นเก่าพอสมควร การลองขับในระยะทาง 200 กม.ยังไม่เครียดหรือปวดตัวมากนัก
ในรุ่นคูเปอร์ เอส วางเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ 7.1 วินาที สามารถมุดซ้ายป่ายขวา เร่งแซงกะทันหันได้คล่องตัว ยิ่งเปลี่ยนโหมดเป็น “สปอร์ต” (หน้อจอจะเปลี่ยนเป็นรูปรถแล้วคิดว่าตัวเองเป็นจรวด) ปรับการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ก็เร้าใจมากขึ้น
มินิยุคใหม่พยายามรักษา บุคลิกของการเป็นรถขับสนุก (โกคาร์ท ฟิลลิง) แต่ยกระดับการขับขี่ให้ไฮโซมากขึ้น เช่นเดียวกับการตกแต่งและอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารดูหรูหราน่าสัมผัส เช่น “เฮดอัพ ดิสเพลย์” (Head-Up Display) แบบบีเอ็มดับเบิลยูที่มีแผ่นพลาสติกเล็กๆ โผล่ขึ้นมาหลังพวงมาลัย (ก่อนถึงกระจกบังลมหน้า) คอยแสดงความเร็ว และการแจ้งเตือนระบบนำทาง ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน รวมถึงปุ่มควบคุมการสั่งงานต่างๆคล้าย “ไอไดร์ฟ”ย่อส่วนวางใกล้ๆ คันเกียร์ ทว่าผู้ขับยังสามารถสั่งงานผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8.8 นิ้วตรงคอนโซลกลางได้ ตลอดจนลูกเล่นอย่างไฟวงแหวนรอบจอแสดงผลแบบ LED ที่เปลี่ยนสีได้ (ตามโหมดการขับขี่และการกระแทกคันเร่ง)
…สำหรับมินิโฉมปัจจุบัน เฉลี่ยทุกตัวถังราคาไม่ได้โดดขึ้นไปจากเดิม (หลายรุ่นถูกลงด้วย) แต่ที่เพิ่มเติมคือออปชันทันสมัย(ความสะดวก-ปลอดภัย) การตกแต่งดูหรูหรา และความนุ่มนวลในการขับขี่
รวบรัดตัดความ...มินิเป็นรถยนต์ที่สะท้อนบุคลิกและรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของได้ชัดเจนที่สุด ใครขับแฮตช์แบ็ก 3 ประตู,แฮตช์แบ็ก 5 ประตู ว่าโดดเด่นแตกต่างแล้ว เจอรุ่นคอนเวอร์ติเบิลเข้าไปยิ่งลุ่มลึก หรือคนซื้อต้องมีมากกว่ากว่าความหลงใหล และแน่นอนว่าควรมีโอกาสได้ใช้รถคันนี้สัมผัสอากาศดีๆ ทะเล ภูเขา ช่วงเช้า ค่ำ ซึ่งเป็นอีกอารมณ์ในการขับรถยนต์ที่น้อยคนจะเข้าถึงได้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,232 วันที่ 2 - 4 กุมภาพันธ์ 2560