ธุรกิจโรงแรม ลุ้นพลิกฟื้นโค้งท้าย

03 ธ.ค. 2559 | 06:00 น.
ภาพรวมธุรกิจโรงแรมไทย ฝ่าปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศ นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของทุกปี เหลืออีกเพียงเดือนเดียวจะสิ้นปี 2559 สถานการณ์ล่าสุดเป็นอย่างไร "นางสุกัญญา จันทร์ชู" ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมดุสิตธานีและประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายการตลาด และประชาสัมพันธ์ สมาคมโรงแรมไทย ได้ฉายภาพถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือ โดยประเมินว่า ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โรงแรมในต่างจังหวัดไม่ได้รับผลกระทบแรงเหมือนในกรุงเทพฯ ที่ธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่จะเป็นการจัดเลี้ยงตลาดคนไทย ซึ่งเกิดความไม่แน่ใจจึงยกเลิกหรือไม่ก็เลื่อนการจัดงานต่างๆ ออกไปก่อน

กลับสู่ภาวะปกติ

"มีการยกเลิกงานจัดประชุม งานเลี้ยง งานแต่งงาน ไปบ้าง แต่ขณะนี้สถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และช่วงที่คนไทยทั้งประเทศอยู่ในอารมณ์ของความโศกเศร้า ต่างชาติก็เข้าใจและบางประเทศเกรงใจคนไทย อย่างกรุ๊ปประชุมของญี่ปุ่น ขอยกเลิกการเดินทาง เพราะเกรงใจคนไทย เพราะถ้าหากมาแล้วเขาต้องไปดื่มไปกินตามร้านอาหารต่างๆ" นางสุกัญญาระบุ

หลังจากสัปดาห์ที่ 3 เริ่มดีขึ้นและสัปดาห์ที่ 4 กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากที่ก่อนหน้านั้นงานแต่งงานอาจจะเลื่อนออกไปหรือลดขนาดให้เล็กลง จากแขก 400 คน อาจจะเหลือ 250-300 คน ซึ่งทุกคนเข้าใจ ในส่วนของโรงแรมถ้าใครจะยกเลิกจัดงานก็คืนเงินมัดจำให้หมด เพราะเราไม่ต้องการให้ใครมาว่าได้ และในฐานะที่เป็นโรงแรมของคนไทย ในส่วนสมาคมโรงแรมไทยก็ขอความร่วมมือให้คืนเงินมัดจำด้วยเช่นกัน แต่ขอให้แจ้งล่วงหน้า อย่ายกเลิกกะทันหันเพราะได้มีการเตรียมข้าวของไว้แล้ว

ลุ้นการขายห้องพักพิกอัพ

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ท้าท้ายคือการกลับมาของ การขายห้องพัก ต้องรอดูว่าจะกลับมาปีนี้หรือปีหน้าหรือไม่ ถ้าเป็นกลุ่มงานขนาดใหญ่ ถ้ายกเลิกไปแล้วก็จะไปจัดที่ใหม่ ส่วนการประชุมขนาด 10-50 ห้องยังกลับมาจัดตามปกติ และกลุ่มขนาดเล็กก็มีโอกาสกลับมา งานประชุมช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ถ้าเลื่อนออกไปเป็นเดือนธันวาคมก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงเทศกาล คริสต์มาส ปีใหม่จึงเลื่อนออกไปจัดเป็นปีหน้า ส่วนลูกค้าเอฟไอที และนักท่องเที่ยวมีผลกระทบน้อยมาก

"งานเลี้ยงงานแต่งงาน 70% เริ่มกลับมา เห็นได้ชัดจากยอดรายได้จัดเลี้ยงของโรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพฯ ตอนแรกในเดือนพฤศจิกายนมีรายได้ 10 ล้านบาท เริ่มขยับมาเป็น 17 ล้านคน แต่ก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้กว่า 20 ล้านบาท ซึ่งงานไม่ได้หายไปไหน บางงานเลื่อน ไปเป็นเดือนมีนาคม ส่วนงานเลี้ยงปีใหม่บางงานก็แค่รับประทานอาหารร่วมกัน หลายคนยังทำใจไม่ได้"

รายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว

นางสุกัญญา ยังกล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมปีนี้ประเมินแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าจะกระทบช่วง 3 เดือนสุดท้ายบ้าง และตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับแรงพิกอัพ ซึ่งเดี๋ยวนี้การจองห้อง การเดินทางเป็นแบบ ลาสต์มินิตบุ๊กกิ้ง ตามกระแสของอินเตอร์เน็ต ทำให้ประเมินล่วงหน้าลำบาก บางกรุ๊ปแต่ก่อนจองนานสุด 3 เดือนแต่เดี๋ยวนี้พฤติกรรมเปลี่ยนไปจองล่วงหน้าแค่เป็นสัปดาห์เท่านั้นทำให้ประเมินสถานการณ์ยากขึ้น

อย่างไรก็ดีเชื่อว่าตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยวสิ้นปี 2559 จะอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท ตามการคาดการณ์ของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้งขณะนี้ในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็พยายามให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริม 70 เส้นทางตามรอยโครงการพระราชดำริ เพื่อให้เกิดการเดินทางอย่างมีสาระให้ความรู้ เกิดความประทับใจ

แนวโน้มปีหน้าระวังยุโรป

ส่วนแนวโน้มปี 2560 ประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายการตลาด สมาคมโรงแรมไทย มองว่าตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติรัสเซียเริ่มกลับมา ทุกคนดีใจแม้ตลาดพัทยาจะได้ไปเต็ม ๆ และททท.ก็พยายามโปรโมตตลาดควอลิตีเลเชอร์อยู่แล้ว ขณะที่ "ทรัมป์" ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ก็คงไม่ปิดประเทศ ไม่งั้นจะโดนจีนแย่งตลาดไปหมด อีกทั้งยังมีทีมที่ปรึกษาและอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายที่ต้องผ่านการกลั่นกรองด้วยเช่นกัน

ขณะที่กรณีเบร็กซิทของอังกฤษ กว่าผลจะเกิดขึ้นอีก 2 ปี ขณะนี้จึงยังไม่เห็นผลกระทบ แต่สิ่งที่ต้องจับตาดูก็คือจะมีประเทศอื่นในยุโรปที่ต้องการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปอีกหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ยุโรปสั่นคลอนได้ ก่อนหน้านั้นการที่ ททท. สำนักงานลอนดอนมีหนังสือเวียนมาถึงผู้ประกอบการขอความร่วมมือว่าอย่าลดราคา ช่วงที่ผลโหวตเบร็กซิทออกมาใหม่ ๆ ซึ่งตอนนั้นเริ่มมีข่าวว่า ผู้ประกอบการไทย บางรายเตรียมจะลดราคาเพราะเกรงผลกระทบจากเบร็กซิท จึงเห็นว่าการลดราคาเป็นสิ่งที่ไม่น่าทำ

เพราะจะทำให้ดึงราคากลับมาได้ยาก และลดราคาแล้วก็จะแน่ใจได้อย่างไรว่า นักท่องเที่ยวจะเดินทางมา จึงมีการขอความร่วมมือกันดังกล่าวและการท่องเที่ยวถือเป็น 2 ขา คืออินบาวด์และเอาต์บาวด์ คนไทยไม่เที่ยวอังกฤษ คนอังกฤษไม่มาไทย ต้องเอดจัสกันทั้ง 2 ฝ่าย

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย ถือว่าขณะนี้ภาคเอกชนด้านท่องเที่ยว ก็สามารถควบคุมได้ในระดับดี เพราะได้เข้าไปอยู่ในเลือดของคนทำกิจการด้านท่องเที่ยว ที่ต้องทำ"อะแวร์เนส" ให้ตัวเองต้องตื่นตัว ไม่จำเป็นให้รัฐมาสั่ง คือเริ่มที่จะดูแลตัวเองได้ดี รู้จักที่จะสื่อสารกับแขกไม่ให้ตื่นตระหนก

ตลาดจีนยังเบอร์หนึ่ง

สำหรับตลาด เอเชีย มองว่านักท่องเที่ยวยังคงเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันอยู่ โดย เฉพาะการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะต้องไม่ลืมว่า เออีซี เพิ่งเปิดคนเริ่มคุ้นเคยกับการทำแพ็กเกจท่องเที่ยวภายในภูมิภาคนี้ ฉะนั้นตลาดเอเชียเป็นตลาดของเราตลอดเพราะอยู่ใกล้ทั้งคนซื้อและคนขาย และตลาดใหญ่ก็ยังเป็นตลาดนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งรัฐบาลจีนสะกิดให้คนจีน 1% เดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศ ก็มหาศาล แต่สิ่งที่ท้าท้ายสำหรับประเทศไทย คือ 1. เรื่องความปลอดภัยกับ 2. เรื่องการทำแพ็กเกจท่องเที่ยวที่จะต้องไม่ซ้ำกัน ต้องมีความหลากหลายให้เขาเลือก ต้องคำนึงว่าตลาดจีนไม่ใช่มีแต่โลว์ยีลด์ แต่ยังมีพวกไฮยีลด์ด้วย

ส่วนผลจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญนั้น "มีอยู่แล้ว แต่ก็ตามที่ ททท.บอกว่าคือไม่ต้องดูจำนวนให้ดูที่รายได้เป็นหลัก คนที่ได้รับผลกระทบย่อมโวยวายเป็นธรรมดา เพราะเขาเดือดร้อน และเป็นโรงแรมที่ไม่ถูกกฏหมายเกือบครึ่ง" นางสุกัญญากล่าวในที่สุด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,214 วันที่ 1 - 3 ธันวาคม 2559