สุวิทย์ งามภูพันธ์ : เป้าหมายธุรกิจคือการสร้างโอกาสให้คนดีมีสัมมาชีพ

19 พ.ย. 2559 | 02:00 น.
เมื่อพูดถึงยาแผนปัจจุบัน เรามักจะนึกถึงแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติ แต่สำหรับชื่อของ "บางกอกดรัก" ถ้าไม่ใช่คนในแวดวงยาหรือเภสัชกรจริงๆ อาจจะไม่รู้จักว่า นี่คือบริษัทยาของคนไทย ที่ก่อตั้งโดยเภสัชกรไทยที่มีโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบันเป็นของตัวเอง แถมยังมียาซึ่งเป็นที่ยอมรับเชื่อถือในวงการแพทย์ ใช้กันอย่างแพร่หลายในโรงพยาบาลต่างๆ

"ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกดรัก จำกัด เล่าว่าเมื่อปี 2532 คือจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งบริษัท เขาและเพื่อนร่วมรุ่นจากมหิดล จับมือกันสร้างบริษัทนี้ขึ้นมา ด้วยความเป็นวัยรุ่นไฟแรง หลังจากไปเป็นเซลให้บริษัทข้ามชาติอยู่ 2 ปี เขาก็มาเปิดบริษัทร้านขายยา ทำให้รู้ว่าร้านขายยาต้องการอะไร ผู้บริโภคต้องการอะไร เห็นช่องทางธุรกิจ

[caption id="attachment_113908" align="aligncenter" width="238"] สุวิทย์ งามภูพันธ์ สุวิทย์ งามภูพันธ์[/caption]

ซีอีโอคนนี้บอกว่า โมเดลธุรกิจของเขาปรับเปลี่ยนไปตามระยะเวลา 10 ปีแรกของการเริ่มต้น เขาและเพื่อนคิดแค่ว่า อยากเป็นโรงงานผลิตยาที่มีเจ้าของเป็นเภสัช วิสัยทัศน์ตอนแรก คืออยากสานต่อวิชาชีพเภสัชกรเท่านั้นเอง

10 ปีถัดมา โมเดลธุรกิจเริ่มเปลี่ยน เมื่อลงมือทำและสร้างความเป็นตัวตนของบางกอกดรักขึ้นมาได้แล้ว พวกเขาคิดว่า ไม่ควรหยุดอยู่แค่การเป็นบริษัทยาในเมืองไทย แต่ควรพัฒนาต่อไปให้สามารถสู้กับต่างชาติได้ โมเดลธุรกิจจึงเปลี่ยนจากเป็นบริษัท มาเป็นกลุ่มบริษัท ชวนพี่ๆน้องๆ เภสัชกรที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยามาร่วมกันสร้างธุรกิจ เริ่มแตกบริษัทลูกแยกบริษัทตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ แยกตามถนัดของผู้บริหาร

เขาจำลองโมเดลธุรกิจของบริษัทข้ามชาติ มาสร้างบิซซิเนสโมเดลของกลุ่มบางกอกดรัก พร้อมทั้งสร้าง Intrepreneur ให้แต่ละคนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจไปด้วยกัน

ปัญหาในการปรับเปลี่ยนการบริหาร จากองค์กรเล็กๆ ขยายมาเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ซีอีโอท่านนี้บอกว่า มันเป็นเรื่องของทัศนคติ ความไม่รู้ของแต่ละคนมันไม่เท่ากันเพราะฉะนั้น จะทำอะไรเปลี่ยนแปลงอะไร ต้องทำให้ทุกคนรับรู้ มีส่วนร่วมสร้างความเป็นทีมเวิร์ค มีการทำแผนร่วมกัน

และอีกสิ่งหนึ่งที่เรายึดถือและใช้เป็นปรัชญาในการบริหาร คือ "ความซื่อสัตย์"... ต่องาน ต่อวิชาชีพ...ซื่อสัตย์ แต่ไม่เก่ง เราปรับปรุงกันได้ ..."การทำธุรกิจเป้าหมายของผม คือการสร้างโอกาสให้คนดีมีสัมมาชีพ"

แผนธุรกิจของบางกอกดรัก กำลังปรับไปสู่โมเดลระดับโลก ตอนนี้เป้าหมายคือการเป็นบริษัทผู้ผลิตยาต้นแบบ (Original Drugs) พัฒนาและวิจัยยาจากสมุนไพรไทย ให้เป็นที่ยอมรับของตลาดโลก ไม่ใช่เพียงแค่บริษัท ยาสามัญ (Generic drugs) หรือ บริษัทผลิตยาเลียนแบบบริษัทต่างชาติ

ดังนั้น การสร้างทีม สร้างคน จึงถือเป็นหัวใจสำคัญ "สุวิทย์" บอกว่า การสร้างคนจะสำเร็จได้ คือ การถ่ายทอดความรู้ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง พร้อมๆ กันนั้น ก็ต้องทำให้ลูกน้องรักงาน และมีความสุขในการทำงาน ใครชอบงานด้านไหนก็ให้ไปทำด้านนั้น โดยบริษัทนี้ไม่มีการเกษียณอายุ

"เราตั้งไว้ว่า บริษัทเราจะเป็นมหาชน เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะเป็นองค์กรของมืออาชีพทุกๆ ด้าน เรียกสหวิชาชีพ เราไม่ได้มองแค่เภสัช นักวิทย์ วิศวะ นักบัญชี นักการตลาด... โมเดลธุรกิจของเราไม่เหมือนของคนอื่น ถ้าจะทำต้องมาพิสูจน์ตัวเอง เริ่มจาก 1 2 3 4 กลุ่มคนหรือระดับลูกน้องจะดันคุณขึ้นมาเอง...

ตำแหน่งมันไม่ใช่เรื่องหน้าที่ ตำแหน่งมันเป็นหัวโขน ในแง่การทำงานจริงๆ การได้รับความยอมรับ มันเป็นสิ่งสำคัญ ความหมายของผู้นำ คือ การมีผู้ตาม ถ้าไม่มีผู้ตามจะมีประโยชน์อะไร"

นี่คือวิถีการทำงานของซีอีโอ "บางกอกดรัก" ที่จะนำพาให้องค์กรของเขาเดินไปข้างหน้า และก้าวสู่เวทียาระดับโลก ด้วยเป้าที่ไม่ใช่แค่การเติบโตขององค์กรเพียงอย่างเดียว แต่เขายังต้องการผลักดันให้ สมุนไพรไทย เภสัชกรไทย เป็นที่ยอมรับของเวทีโลก ด้วยเช่นกัน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,210 วันที่ 17 - 19 พฤศจิกายน 2559