รัฐพร้อมถกบราซิลฟ้อง WTO มั่นใจแผนชัดหลังครม.ไฟเขียวไม่มีการอุดหนุนต้นทุน

26 ต.ค. 2559 | 10:00 น.
สอน.ไม่หวั่นเอกชนของบราซิลฟ้ององค์การการค้าโลก พร้อมเดินทางเจรจา 3-4 พฤศจิกายนนี้ ชี้แจงข้อสงสัยทุกเม็ด หลัง ครม.ไฟเขียวแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย มั่นใจโอกาสถอนฟ้องมีสูง ตัดปัญหาข้อกังวลชดเชยต้นทุนผลิตอ้อย 160 บาทต่อตันได้ หลังราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกพุ่ง ชาวไร่อ้อยได้กว่า 1,000 บาทต่อตัน

นายสมศักดิ์ จันทรรวงทอง เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในระหว่างวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2559 นี้ ทางสอน.และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะร่วมเดินทางไปประเทศบราซิล เพื่อเปิดเจรจากับทางผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทราย ในฐานะเป็นผู้ฟ้องต่อองค์การการค้าโลก(WTO) เป็นครั้งที่ 2 จากที่ได้เปิดเจรจาไปรอบหนึ่งแล้วเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ต่อกรณีที่ไทยมีมาตรการอุดหนุนการส่งออกน้ำตาล และอุดหนุนราคาน้ำตาลทรายภายในประเทศ ในช่วงที่ผ่านมา

โดยการไปเจรจาครั้งนี้ ค่อนข้างมีความมั่นใจว่า ทางบราซิล น่าจะมีความพอใจต่อการแก้ไขในข้อสงสัยต่างๆ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ พ.ศ.2559-2564 ที่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าทางไทยมีมาตรการดำเนินการแก้ไขตามข้อกล่าวหา ซึ่งจะนำไปสู่การถอนฟ้อง WTO ได้ เพราะที่ผ่านมา ถือว่าทางบราซิลยังให้โอกาสกับทางไทยอยู่ ในการที่จะยังไม่ตั้งคณะผู้พิจารณา( Panel) ขึ้นมาเพื่อไต่สวนในการฟ้อง โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจาให้ได้ข้อยุติก่อน

ดังนั้น เมื่อทางไทยมีแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายที่สอดคล้องกับพันธกรณีและความตกลงภายใต้ WTO ซึ่งมีการกำหนดแผนงาน เป้าหมาย กิจกรรมดำเนินการ และระยะเวลาดำเนินการแล้ว จึงเชื่อว่าทางเอกชนของบราซิลน่าจะถอนฟ้องได้

“ที่ผ่านมาทางเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ก็ได้มีการเจรจากับทางผู้แทนทางบราซิล เป็นที่น่าพอใจไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งการไปเจรจาครั้งนี้ ก็จะเป็นการเจรจาที่เต็มรูปแบบ ที่ฝ่ายไทยจะไปตอบคำถามในข้อสงสัยต่างๆ ให้เอกชนทางบราซิลได้เข้าใจเพิ่มมากขึ้น เมื่อเจรจากันแล้วทางบราซิล อาจจะให้เวลาไทยอีกระยะหนึ่ง เพื่อรอดูว่าได้ดำเนินการตามแผนหรือที่ได้เจรจากันไว้หรือไม่ หากทางไทยตั้งใจจริงโอกาสที่จะถอนฟ้องก็มีมากขึ้น”

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี ประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวว่า สำหรับโอกาสที่ทางบราซิลจะถอนฟ้อง WTO ก็มีความเป็นไปได้สูง หากคณะเจรจาสามารถชี้แจงและตอบข้อสงสัยต่างๆ ห้างบราซิลเข้าใจ โดยเฉพาะแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายที่ผ่านการพิจารณาของครม.ไปแล้ว จะต้องชี้แจงเงื่อนไขเวลาในการดำเนินงานให้มีความชัดเจนว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด

โดยเฉพาะเรื่องการอุดหนุนต้นทุนการผลิตอ้อย ที่แต่ละปีมีการอนุมัติเงินกู้มาช่วยเหลือชาวไร่ 160 บาทต่อตัน ซึ่งในฤดูหีบ 2559-2560 ก็ต้องทำให้เห็นว่าจะไม่มีการอนุมัติเงินกู้มาช่วยเหลืออีก ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่ดีที่ราคาน้ำมันในปีนี้ปรับตัวสูงขั้นมากในระดับ 21-22 เซ็นต์ต่อปอนด์ จะส่งผลให้ราคาอ้อยขั้นต้นขยับขึ้นไปอยู่ที่กว่า 1,000 บาทต่อตันได้ ด้วยราคาระดับนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องบอนุมติเงินกู้มาช่วยเหลือต้นทุนชาวไร่อ้อยแต่อย่างใด ซึ่งเป็นผลดีที่สามารถตัดข้อกล่าวหาของทางบราซิลออกไปได้

ส่วนการยกเลิกโควตาน้ำตาลทราย หรือการปล่อยเสรีน้ำตาลทราย ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการในรูปแบบใดให้สอดคล้องกับหลัก WTO ให้มากที่สุด

อนึ่ง การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและน้ำตาลทรายดังกล่าว ที่ครม.เห็นชอบ ได้แก่ 1.การปรับปรุง พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย รวมทั้งกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมการนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่น ๆ ได้ มีเป้าหมายเพื่อต้องการเพิ่มมูลค่าอ้อยและน้ำตาลทราย และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงทางการค้าของ WTO เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และเป็นสาก

2. การเพิ่มผลิตภาพอ้อยและน้ำตาลทราย มีเป้าหมายเพื่อต้องการเพิ่มผลิตภาพการผลิตอ้อยการผลิตน้ำตาลทราย และการผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ 3. การกำหนดมาตรฐานน้ำตาลทรายต้นทุนมาตรฐานการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย มีเป้าหมายเพื่อต้องการกำหนดมาตรฐานการผลิตน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาล ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในปีการผลิต 2559/2560 และมีเป้าหมายเพื่อกำหนดการคำนวณต้นทุนมาตรฐานอ้อยและน้ำตาลทรายที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ให้เป็นที่ยอมรับและเป็นธรรมกับระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย รวมทั้งการกำหนดต้นทุนมาตรฐานเอทานอลและผลิตภัณฑ์จากอ้อยอื่น ๆ ด้วย

4. การรักษาเสถียรภาพกองทุนอ้อยและนํ้าตาลทราย มีเป้าหมายเพื่อให้กองทุนอ้อยและนํ้าตาลทรายสามารถบริหารจัดการทรัพย์สินหรือเงินทุนเพื่อแก้ไขปัญหาและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและนํ้าตาลทราย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,204 วันที่ 27 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559