เฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นก่อนสิ้นปี

28 กันยายน 2559
ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมที่ 0.25-0.50% แต่แถลงการณ์ของเฟดได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ หากตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น ขณะที่มุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตแข็งแกร่งมากขึ้น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไปและเป็นการเร่งอัตราเงินเฟ้อ

นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวหลังสิ้นสุดการประชุมว่า มีมติยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ จนกว่าจะมีหลักฐานมากขึ้นที่บ่งชี้ถึงความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายของเฟดด้านการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันก็คาดหวังที่จะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ นับเป็นสัญญาณเตือนให้ตลาดเตรียมตัวรับมือยุคดอกเบี้ยขาขึ้น

ผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2559 มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตามเดิมที่ 0.25-0.50% เป็นไปตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 3 ทั้งนี้ เฟดส่งสัญญาณถึงโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งก่อนสิ้นปี และปรับลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวลงจาก 3.0% เป็น 2.9% ซึ่งกรรมการ FOMC จำนวน 3 ราย ไม่เห็นชอบต่อมติการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นจำนวนสูงที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี

ต่อจากนี้ เฟดยังเหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในปีนี้ คือ เดือนพ.ย. และธ.ค. โดยนักวิเคราะห์มองว่าแถลงการณ์ของเฟดบ่งชี้การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ ขณะเดียวกันคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย. เนื่องจากไม่ต้องการส่งผลกระทบก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พฤศจิกายน

ทั้งนี้ แถลงการณ์ของเฟดส่งสัญญาณออกมาว่าจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าตัวเลขจากตลาดแรงงานจะปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าจ้างแรงงาน นอกจากนี้ยังพิจารณาอัตราเงินเฟ้อด้วย หากตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งขึ้นประกอบกับอัตราว่างงานที่ลดลง และรายงานการจ้างงานแสดงให้เห็นถึงค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก็จะทำให้เฟดมีโอกาสตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเวลาที่การจ้างงานเพิ่มจำนวนมากขึ้นในการประชุมครั้งถัดไป เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป รวมถึงป้องกันไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสูงเกินไปในอนาคต นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเตือนว่า เฟดไม่ควรรอนานเกินควรก่อนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะอาจเกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจได้

หลังจากที่เฟดมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยและปรับลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวลงสู่ 2.9% จาก 3.0% ในการประชุมครั้งล่าสุด ในวันเดียวกันนั้น ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงให้น้ำหนักกับการดำเนินนโยบายการเงินที่ช่วยประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยบีโอเจยังคงนโยบายดอกเบี้ยติดลบไว้ที่ระดับ -0.1%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,195 วันที่ 25 - 28 กันยายน พ.ศ. 2559