ทัวร์จีนกับขบวนการศูนย์เหรียญ

27 กันยายน 2559
จีนที่เคยถูกมองว่าเป็นชาติยากจน วันนี้ชาวจีนครองแชมป์การเดินทางออกท่องเที่ยวนอกประเทศมากที่สุดในโลกปีละกว่า 100 ล้านคน และตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาเหล่าลูกมังกรตาตี่ได้กลายเป็นเศรษฐีนักช็อปปิ้งที่มียอดจับจ่ายในการท่องเที่ยวแซงหน้าชาวอเมริกันและชาวยุโรปจนฝรั่งอั้งม้อยังอาย

หากเป็นไปตามที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยประกาศไว้ว่าในปี 2561 ชาวจีนจะเดินทางออกนอกประเทศเพิ่มเป็นปีละ 400 ล้านคน ก็คงต้องกดเครื่องคิดเลขกันว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามากินมาจ่ายจะเพิ่มเป็นทวีคูณแค่ไหน โดยเฉพาะที่จะมาประเทศไทยเราในปีนี้ถึง 10 ล้านคน

แต่การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญที่กำลังดำเนินการกันอยู่ในขณะนี้ซึ่งอาจส่งผลต่อยอด 10 ล้านคนดังกล่าว มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและไม่เห็นด้วย ผู้สนับสนุนก็มองตามข้อมูลที่ตำรวจเปิดเผยออกมาว่า มีทั้งไกด์เถื่อน คนเถื่อน คือคนจีนที่สวมบัตรไทยเข้ามาแย่งคนไทยทำมาหากิน สมคบกับคนไทยเห็นแก่ได้ทำเป็นขบวนการใหญ่โตโฆษณาชวนเชื่อหลอกคนจีนมาเที่ยวไทยโดยไม่ต้องจ่ายเงิน แต่พอถึงปลายทางกลับบังคับรีดเงินทางอ้อมจนชื่อเสียงเมืองไทยป่นปี้

ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่าเป็นปฏิบัติการที่ทุบหม้อข้าวตัวเอง เพราะได้รับผลกระทบกันเยอะ ตอนนี้นักท่องเที่ยวหาย ยกเลิกการจองห้องพัก ยกเลิกร้านอาหาร ร้านค้าของที่ระลึกนั่งตบยุงรอวันตาย ไกด์ถูกกฎหมายก็รายได้หด ยานพาหนะทั้งรถทัวร์ รถตู้ รถยนต์ เรือ เครื่องบิน พากันบ่นอุบว่าทุนหายกำไรหด

หากฟังเหตุผลของสองฝ่ายและมองอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะต่อประเทศไทยของเรา ถือเป็นการดีแล้วที่รีบตัดไฟตอนนี้แม้ไม่ใช่ตัดไฟแต่ต้นลม เพราะรัฐบาลปล่อยปละละเลยมานานกับปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ จนกลายเป็นเครือข่ายใหญ่บางบริษัทร่ำรวยออกรถบัสใหม่มาบริการนักท่องเที่ยวได้เป็นพันคัน มีธุรกิจรวมมูลค่านับพันๆ ล้านบาท สามารถสร้างอาณาจักรในบางพื้นที่ได้ใหญ่โตครบวงจร มีทั้งภัตตาคาร ที่พัก นวด สปา คาราโอเกะ ศูนย์จิวเวลลี่ราคาแพง จนน่าสงสัยว่าถ้าไม่มีเส้นสาย ไม่มีนายทุนใหญ่ ไม่มีนักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หนุนหลังจะสร้างความร่ำรวยได้ขนาดนี้หรือ

จริงอยู่ว่ามาตรการของรัฐครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแน่ นักท่องเที่ยวจีนส่วนหนึ่งจะลดจำนวนลงบ้าง แต่หลังจากจัดระเบียบวางกฎกติกากันใหม่แล้ว ในระยะยาวย่อมเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวไทย

กรณีนี้ผู้เขียนได้ถามความเห็นต่อเพื่อนสื่อมวลชนจีนในสังกัด CCTV และ People’s Daily ที่ทำข่าวอยู่ในประเทศไทย ต่างตอบในทำนองเดียวกันว่าเป็นเรื่องดีและมองว่ารัฐบาลไทยทำถูกแล้ว เพราะหากหลงผิดคิดเอาแต่นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเยอะๆ ปัญหานักท่องเที่ยวจีนถูกหลอกลวงมาเที่ยวก็จะยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว กระทั่งกลายเป็นว่าคนไทยรู้เห็นเป็นใจ สุดท้ายก็คือการทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในที่สุด

เพื่อนักข่าวจีนบอกว่าพฤติกรรมของทัวร์ศูนย์เหรียญที่ผ่านมาคือ เมื่อพานักท่องเที่ยวจีนมาถึงเมืองไทยแล้วจะมีการบังคับให้ช็อปปิ้งตามสถานที่ที่กำหนด มีการบีบให้ซื้อเยอะๆ หากไม่ได้ตามเป้าหมายบางครั้งจะลอยแพนักท่องเที่ยว เช่นไม่จัดที่พักให้โดยอ้างเหตุต่างๆ หรือปล่อยทิ้งข้างถนนก็เคยทำมาแล้ว

อย่างไรก็ตามน่าสังเกตว่าจนถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน เห็นข่าวกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงนามร่วมกับการท่องเที่ยวของจีนที่จะร่วมกันแก้ปัญหา เห็นข่าวตำรวจท่องเที่ยวจะเชิญ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) มาร่วมหารือแนวทางลดผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ขณะที่แอตต้าก็จะเชิญบริษัททัวร์รายใหญ่ๆ มัคคุเทศก์ สมาคมรถเช่า มาร่วมกำหนดราคากลางแพ็คเกจทัวร์จีนเพื่อเสนอต่อกระทรวงการท่องเที่ยว

ประชุมกันแล้วปัญหาเดิมก็ยังกองอยู่บนโต๊ะ ส่วนปัญหาใหม่ก็อาจจะมีตามมาพร้อมกันนักท่องเที่ยวและธุรกิจท่องเที่ยวที่ไม่อาจหยุดรอผลประชุมได้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,195 วันที่ 25 - 28 กันยายน พ.ศ. 2559