รอบด้านตลาดหุ้น by  Bualuang Securities  

29 ก.ค. 2559 | 03:50 น.
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อแนวโน้มการบริโภคและการลงทุนในประเทศ กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเป็นตัวผลักดันดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวสูงขึ้น เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มตลาด ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยควรจะเริ่มสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นในอนาคต สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจที่เห็นการฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและความเชื่อมั่นนักธุรกิจจะฟื้นตัวและเป็นผลดีต่อทิศทางกำไรบริษัทจดทะเบียนให้ปรับตัวสูงขึ้น เราเชื่อว่านักลงทุนจะประเมินมูลค่าหุ้นเหมาะสมบนระดับกำไรสุทธิในภาวะปกติ ดังนั้น หุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุปโภคบริโภคและการลงทุนจะยังปรับขึ้นด้วยความคาดหวังว่าการดำเนินนโยบายที่สนับสนุนเชิงบวกในอนาคต อีกทั้งการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) คาดว่าจะออกมาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติม ก็น่าจะเป็นผลดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเซีย สะท้อนความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นรวมถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น ขณะที่สถานการณ์การเมืองที่กำลังเดินหน้าไปสู่การทำประชามติในวันที่ 7 ส.ค. นี้มุมมองของเราคาดว่า โอกาสที่จะผลออกมา “รับ” ร่างรัฐธรรมนูญยังมีสัดส่วนที่สูงกว่าไม่รับร่างฯ หากผลออกมา “รับ” ตลาดน่าจะตอบรับในเชิงบวกดังนั้น เราคาดดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำจุดสูงสุดใหม่จากปัจจัยดังต่อไปนี้

1.ดัชนีทำจุดสูงสุดใหม่สอดคล้องกับสัญญาณบวกจากเครื่องมือทางเทคนิคหลายอย่างเกิดสัญญาณบวก ปรับตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน

2.กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งหมายความว่าในระยะสั้นค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ จะช่วยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในรูปของสกุลเงินประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่เช่นกัน

3.มอร์แกนสแตนเล่ย์คาดว่าเฟดอาจเลื่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปี 2017 และจะส่งผลในแง่ดีต่อการไหลเข้าของกระแสเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

4.ตลาดหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นได้จากสภาพคล่องการเงินสูงเนื่องจากปริมาณเงินที่ถูกอัดฉัดเข้ามาเพิ่มขึ้นจากธนาคารกลางทั่วโลก

รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้

(+) SCB ผู้บริหารให้เป้าการเติบโตของสินเชื่อปี 2559 อยู่ที่ 4-6% เป้าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.1-3.3% เราปรับเป้าหมายส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปี 2559 และ ปี 2560 ขึ้น 3.3% และ 3.2% ตามลำดับ เราปรับประมาณการกำไรกำไรและราคาเป้าหมายทางพื้นฐานขึ้นเป็น 183 บาท ที่ระดับ PBV ณ สิ้นปี 2559 ที่ 1.8 เท่า เรายังคงแนะนำ “ซื้อ”

(-) KTB ผู้บริหารคาดว่าจะมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและคุณภาพของสินทรัพย์ที่เสื่อมค่าลง จะหนุนให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงขึ้นเป็น 130% และ 103% ปีหน้า ทั้งนี้การเพิ่มขึ้อของการตั้งสำรองฯ กดดันต่อการปรับลดประมาณการกำไรปี 2559 ลง จากมูลค่าหุ้นในปัจจุบันที่ค่อนข้างถูกระดับ PBV ณ สิ้นปี 2559 ที่ 0.9 เท่า เรายังคงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมายทางพื้นฐาน 18.2 บาท

(+) Small-Cap Playbook แนะนำซื้อหุ้นที่ผลประกอบการ 2Q16 แนวโน้มเติบโตสูง/ดีกว่าคาด ได้แก่ TPCH (BUY, TP 24.00 บาท) และ SMT (BUY, TP 9.15 บาท) ซึ่งเรายังคาด 2Q16 จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเติบโตเท่านั้น และคาดกำไร 2H16 ไปจนถึง 2017 กำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในลักษณะ Earnings Momentum QoQ ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ  สำหรับ TASCO (BUY, TP 39.00 บาท) แนะนำซื้อสะสม คาดกำไร 2Q16 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาด 2H16 จะเติบโตสูง / ส่วน COM7 และ SAPPE คาดกำไรออกมาดีแต่เรามองว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นสะท้อนไปมากแล้วและเริ่มเต็มมูลค่า เราปรับลดคำแนะนำ

(-) PTTEP รายงานกำไร 2Q16 ที่ 2.66, ลดลง 53% QoQ (แต่เพิ่มขึ้น 103% YoY) กำไรที่อ่อนตัวลง QoQ เกิดจาก การบันทึกขาดทุนทางบัญชีจาก oil hedging พร้อมกันนี้บริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.75 บาท/หุ้น สำหรับผลปรพกอบการ 1H16 สำหรับแนวโน้ม 3Q16 เราคาดกำไรสุทธิจะปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงคาด oil hedging จะพลิกกลับมาเป็นกำไร อย่างไรก็ดีเราคาดกำไรหลักจะลดลงและจะแย่ที่สุดใน 4Q16 เราคงประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายที่ 75 บาท คงคำแนะนำขาย ในกลุ่มพลังงาน เราชอบ PTT และกลุ่มโรงกลั่นมากกว่า

(-) SVI ราคาหุ้นทรงตัวถึงอ่อนตัวเล็กน้อยตามคาดสำหรับในครึ่งปีแรกของปีนี้จากผลประกอบการที่ชะลอตัว แต่เราเชื่อผลประกอบการในไตรมาส 2/59 จะเห็นสัญญานการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก หลังจากปัญหาคอขวดถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้วในปลายไตรมาส 2/59 แต่เกิดปัญหาในเรื่องเครื่องจักรขึ้นกับลูกค้าบางราย ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปีนี้ลง อย่างไรก็ตามคาดปัญหาจะถูกแก้ไขแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/59 แม้ปีนี้จะเจอปัญหาหลายๆอย่าง แต่เรายังเชื่อมั่นในการเติบโตของบริษัทในระยะยาว คาดปีหน้าจะเติบโตโดดเด่นถึง 22% ภายหลังปัญหาต่างๆถูกการแก้ไขแล้ว ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการซื้อกิจการไซเดลยังเป็นโอกาสที่เราจะสามารถปรับประมาณการกำไรในอนาคตได้ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 6 บาท ณ สิ้นปี 2560

ที่มา:บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง