เผยผลสำรวจคนไทยดื่มเหล้า-สูบบุหรี่ลดลงแต่อ้วนขึ้น 

27 ก.ค. 2559 | 04:28 น.
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)กล่าวถึงผลสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายว่า สสส. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และเครือข่ายมหาวิทยาลัยในภูมิภาคต่างๆ ทำการสำรวจสุขภาพประชาชน ครั้งที่ 5 ระหว่างปี 2557-2558  ด้วยการสุ่มตรวจสุขภาพประชากรไทย 21 จังหวัด  จำนวน 19,468 ตัวอย่าง เพื่อสำรวจการเฝ้าระวังทางสุขภาพของคนไทยระดับประเทศพบว่า   พฤติกรรมสุขภาพที่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งที่ 4 ปี 2552 ใน 4 เรื่อ งคือ

การสูบบุหรี่ลดลงในทุกกลุ่มอายุ จากร้อยละ 19.9 ในปี 2552 เป็นร้อยละ 16 ในปี 2557 การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง จากร้อยละ 7.3 เหลือร้อยละ 3.4  กินผักและผลไม้เพียงพอ 400 กรัมต่อวันขึ้นไปมีแนวโน้มที่ดีขึ้น  ร้อยละ 25.9 หรือ 1 ใน 4 และการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ เช่น เดิน ขี่จักรยาน อยู่ในระดับคงที่ร้อยละ 80

สิ่งที่น่าห่วง คือ ภาวะอ้วนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทุกกลุ่มวัย คนไทยมีภาวะอ้วนถึง 19 ล้านคน  ภาวะความดันโลหิตสูงถึง 13 ล้านคน และคนที่เป็นเบาหวานถึง 4 ล้านคน ที่น่าเป็นห่วงคือพบกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานโดยไม่รู้ตัวอีกถึง 7.7 ล้านคน กลุ่มหลังหมายถึง ร้อยละ 5-10 ต่อปี จะเป็นเบาหวานหากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขภาพ” พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าว

พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า แม้พฤติกรรมสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์จะมีแนวโน้มดีขึ้น จากการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งภาคนโยบาย ภาคสังคม และภาควิชาการ แต่เป็นสิ่งที่ สสส. และภาคีเครือข่าย ยังคงต้องรณรงค์สร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันนักสูบและนักดื่มหน้าใหม่

โดยงานที่ต้องเน้นหนักและเฝ้าระวัง คือ การมีกิจกรรมทางกายที่ยังไม่เพิ่มขึ้นชัดเจนจากวิถีชีวิตที่ใช้แรงงานน้อยลง การใช้เวลาไปกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และสมาร์ทโฟน การทำงานของ สสส.ต่อไปจึงเน้นการส่งเสริมให้ประชากรมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอตลอดทุกช่วงวัย และสนับสนุนให้มีปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อให้คนได้มีกิจกรรมทางกายอย่างยั่งยืน โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์กิจกรรมทางกายระดับชาติภายในปี 2559 และร่วมเสนอยุทธศาสตร์ระดับสากลในสมัชชาองค์การอนามัยโลก ภายในปี 2560 พร้อมกับเน้นพฤติกรรมโภชนาการที่ลดหวาน มัน เค็มลง

สำหรับผู้หญิงทุกภูมิภาคมีสัดส่วนไม่ต่างกัน และภาวะอ้วนในเขตเทศบาลสูงกว่านอกเขตเทศบาล อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับดัชนีมวลกายหรือ BMI พบว่า หญิงไทยมีภาวะอ้วนเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย โดยดัชนีมวลกายเฉลี่ยของหญิงไทยอยู่ที่ 24.5 kg/m2 อันดับ 1 คือมาเลเซีย ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 25.7 ขณะที่ผู้หญิงในญี่ปุ่นและฮ่องกงมีภาวะอ้วนลดลง

นอกจากนี้ผู้หญิงยังมีสัดส่วนการเป็นโรคเบาหวานสูงกว่าเพศชาย อยู่ที่ร้อยละ 9.8 และ 7.9 ตามลำดับ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความชุกสูงที่สุด ตามด้วยภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ ที่น่าสนใจคือ ร้อยละ 43.1 ของผู้ที่เป็นเบาหวานไม่ทราบว่าตนเองเป็นเบาหวานมาก่อน เท่ากับว่า ภาระโรคเบาหวานในปัจจุบันมีคนที่เป็นเบาหวานแล้วมากกว่า 4 ล้านคน ทั้งยังพบกลุ่มเสี่ยงต่อเบาหวานอีกถึง 7.7 ล้านคน ซึ่งภายในร้อยละ 5-10 ต่อปีจะป่วยเป็นเบาหวาน