รู้จัก Generative AI เทคโนโลยีที่จะทำให้ผู้คนทั่วโลกตกงานได้ถึง 300 ล้านคน

28 มี.ค. 2566 | 17:14 น.

ประชากรที่ทำงานในตำแหน่งพนักงานประจำ จำนวน 300 ล้านคนทั่วโลก มีแววตกงานได้ง่ายๆ หลังการผงาดขึ้นมาของเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า Generative AI ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

 

โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจระดับโลกระบุเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (27 มี.ค.) ว่า เทคโนโลยี Generative AI เช่น ChatGPT ที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลกในขณะนี้ จะเข้ามาช่วยมนุษย์ทำงานได้ถึง 1 ใน 4 ของงานทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและยูโรโซน (กลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโรมี 20 ประเทศ)  

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า เทคโนโลยี Generative AI สามารถช่วยรังสรรค์คอนเทนต์ได้ไม่แตกต่างจากฝีมือมนุษย์ และต่อไปจะช่วยเพิ่มผลผลิต จนในที่สุดเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รายปีได้ถึง 7% ภายในช่วงเวลา 10 ปี

นายโจเซฟ บริกส์ และนายเทเวศร์ โกฐนานี ผู้เขียนรายงานฉบับนี้ของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า หากเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ เทคโนโลยี Generative AI จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะสร้างความเสี่ยงให้กับพนักงานประจำ หรือพนักงานที่ทำงานเต็มเวลา จำนวนถึง 300 ล้านคนทั่วโลก รวมทั้งในสหรัฐอเมริกาและยูโรโซน ซึ่งกลุ่มบุคคลในอาชีพด้านกฎหมาย "ทนายความ" และ "เจ้าหน้าที่บริหาร" อยู่ในกลุ่มที่จะเผชิญความเสี่ยงมากที่สุด

"หากเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ เทคโนโลยี Generative AI จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ"

รายงานระบุว่า ตำแหน่งงานประมาณ 2 ใน 3 ในสหรัฐและยุโรปจะเผชิญความเสี่ยงจากเทคโนโลยี Generative AI ในระดับต่าง ๆ โดยอิงตามข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบของอาชีพหลายพันอาชีพ

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี Generative AI จะเข้ามาช่วยทำงานทดแทนมนุษย์ได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของภาระหน้าที่ทั้งหมดของผู้คนส่วนใหญ่ ทำให้ผู้คนส่วนมากยังคงมีงานทำต่อไป ขณะที่ผู้คนบางส่วนหรือบางอาชีพ อาจมีเวลาไปมุ่งเน้นด้านกิจกรรมที่เพิ่มผลผลิตมากขึ้น

ในสหรัฐอเมริกา เทคโนโลยี Generative AI จะคิดเป็น 63% ของแรงงานทั้งหมด ส่วนงานที่ต้องใช้แรงกายหรืองานกลางแจ้งอีก 30% จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แม้งานดังกล่าวจะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยี Generative AI ในรูปแบบอื่น ๆ

แต่ประมาณ 7% ของแรงงานอเมริกันประกอบอาชีพที่สามารถถูกเทคโนโลยี Generative AI ทดแทนได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของภาระหน้าที่ทั้งหมด ทำให้เสี่ยงที่จะตกงาน

โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ยุโรปก็จะได้รับผลกระทบในลักษณะที่คล้ายคลึงกับสหรัฐ ส่วนในระดับโลกนั้น โกลด์แมน แซคส์พบว่า งานประมาณ 1 ใน 5 สามารถใช้ Generative AI ทำงานแทนได้ หรือคิดเป็นตำแหน่งพนักงานประจำราว 300 ล้านตำแหน่งในบรรดาประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่

กลุ่มบุคคลในอาชีพด้านกฎหมาย "ทนายความ" และ "เจ้าหน้าที่บริหาร" อยู่ในกลุ่มที่จะเผชิญความเสี่ยงมากที่สุด

Generative AI คืออะไร?

Generative AI คือเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) แขนงหนึ่งที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถสร้างคอนเทนต์หรือชิ้นงานขึ้นเองได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ งานศิลป์ บทความ บทกวี บทเพลง วิดีโอ บทละคร หรือการเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์ ความสามารถอัจฉริยะของมันนั้น แทบจะทำให้เราคิดว่า AI มีความรู้สึกนึกคิดและมีความคิดสร้างสรรค์เหมือนมนุษย์แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น 

นั่นเป็นเพราะระบบ Generative AI ถูกฝึกให้เรียนรู้สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร บทความ ภาพวาด งานศิลป์ บทภาพยนตร์ บทละคร และอื่นๆ ที่สามารถเก็บไว้ใน database ที่ AI เข้าถึงได้ กล่าวอีกอย่างก็คือ มันเป็นระบบที่สามารถ “เลียนแบบ” ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และมันก็เก่งถึงขั้นเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้ แล้วนำมาสร้างคอนเทนต์หรือผลงานที่เป็นของมันเอง 

Generative AI ที่โด่งดังที่สุดขณะนี้ คงหนีไม่พ้น ChatGPT ที่ถือเป็น Generative AI ตัวแม่ที่สร้างปรากฏการณ์มีผู้ใช้งานพุ่งทะลุมากกว่า 1 ล้านคนในเวลาเพียง 5 วันหลังเปิดให้มีการใช้งานฟรี ทำลายทุกสถิติของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่นๆไม่ว่าจะเป็น Twitter, Facebook, Instagram, Pinterest รวมถึง Spotify ที่ต้องใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะมีจำนวนผู้ใช้งานในระดับนี้ได้

 

ข้อมูลอ้างอิง