ทีบีเอ็น เตรียมระดมทุนสร้างบุคลากร Low Code ดันไทยสู่ฮับภูมิภาค

23 มี.ค. 2566 | 09:24 น.

องค์กรไทย แห่ทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล “ทีบีเอ็น” ลุยส่งแพลตฟอร์มพัฒนาแอป Low Code เจาะกลุ่มสถาบันการเงิน ประกัน ค้าปลีก อุตสาหกรรม ชูจุดขายต้นทุนต่ำ พัฒนาได้เร็ว สร้างโอกาสรายได้ให้กับธุรกิจ ล่าสุดเตรียมเข้า mai ระดมทุน เร่งสร้างบุคลากร หนุนไทยสู่ฮับ Low Code ภูมิภาค

นายปนายุ ศิริกระจ่างศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TBN   ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการออกแบบพัฒนาซอฟต์แวร์  Low-Code Development Platform (Low Code)  ของ MENDIX เปิดเผยว่าแนวโน้มการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง  เนื่องจากองค์กรธุรกิจไทยอยู่ในช่วงเริ่มต้นการทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปสู่ดิจิทัลโดยมีความต้องการในการพัฒนาระบบ หรือ แอปพลิเคชันขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และให้บริการลูกค้า    ทำให้องค์กรมองหาเครื่องมือเข้ามาช่วยในการพัฒนา 

ทีบีเอ็น เตรียมระดมทุนสร้างบุคลากร Low Code ดันไทยสู่ฮับภูมิภาค

โดยเทคโนโลยี Low-Code   ถือเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์การพัฒนาแอพพลิเคชันธุรกิจได้เป็นอย่างดี    เนื่องจากต้นทุนการพัฒนาต่ำ  สามารถพัฒนาได้เร็ว  ทำให้มีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดก่อนคู่แข่ง   ทำให้สามารถสร้างโอกาส  และเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ

“การเติบโตของ Low-Code เทคโนโลยีที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี ขณะที่ปัจจุบันและอนาคตมีการคาดการณ์ว่า โปรแกรมเมอร์ทั่วโลกจะมีจำนวนลดลง เมื่อองค์กรต้อง Digital Transformation ทำให้จำนวนแอปพลิเคชันจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อนักพัฒนาน้อยลงองค์กรจึงมองหาเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วย Low-Code จึงเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยตอบโจทย์ได้ โดยข้อมูลของไฟแนนเชียลไทม์คาดว่าภายในปี 2568 ประมาณ 70% ของแอปพลิเคชันทั่วโลกจะพัฒนาด้วย Low-Code

สำหรับแพลตฟอร์มการออกแบบพัฒนาซอฟต์แวร์  Low-Code Development Platform (Low Code)  ของ MENDIX  ถือเป็นผู้นำในตลาด   ขณะที่ ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น  มีประสบการณ์ที่อยู่กับเทคโนโลยีของ MENDIX มากว่า 18 ปี   มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และได้มีใบรับรองจาก MENDIX   โดยที่ผ่านมาได้นำแพลตฟอร์มการออกแบบพัฒนาซอฟต์แวร์  Low Code  เข้าไปพัฒนาให้กับลูกค้ากลุ่มธนาคาร  ทั้งระบบกระบวนการธุรกิจอัตโนมัติ  ระบบให้บริการสินเชื่อ    หรือ ระบบงานบริการธนาคารหลัก ,  ธุรกิจประกัน ที่นำไปพัฒนาระบบงานหลักให้บริการประกัน  , กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ที่นำไปพัฒนาระบบอัตโนมัติ หรือ ธุรกิจค้าปลีก

นายปนายุ  กล่าวต่อไปว่า ปีนี้บริษัทเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยจะเสนอขายหุ้นจำนวน 25 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้ บริษัทมีศักยภาพและความพร้อมสูงในการเติบโตของธุรกิจ เพื่อรองรับ Digital Transformation ของภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ   โดยบริษัทพาร์ทเนอร์กับอะเมซอน เว็บเซอร์วิส หรือ AWS  ซึ่งปีนี้มีแผนเปิดให้บริการคลาวด์  และโซลูชันให้กับ AWS ด้วย

นอกจากนี้ยังนำเม็ดเงินมาใช้สร้างบุคลากร Low Code ในไทย  เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางภูมิภาค  หรือ ฮับด้าน Low Code  โดยปีนี้บริษัทมีแผนจัดตั้ง สถาบัน MENDIX  Academy  ขึ้นมา โดยพัฒนาหลักสูตรภาษาไทยด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์  หรือ แอปพลิเคชันขึ้นมาด้วย  Low Code    โดยจะมีหลักสูตรสำหรับคนไม่รู้ไอที   และหลักสูตรอัพสกิล รีสกิล    โดยเป็นหลักสูตรมาตรฐาน  และใบรับรอง เพื่อป้อนคนเข้าสู่ตลาด   และขยายทีมงานของบริษัท     นอกจากนี้ยังต้องการสร้างชุมชน หรือ คอมมิวนิตี้ สำหรับกลุ่ม Low Code ขึ้นมาในไทย  เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางภูมิภาค  หรือ ฮับด้าน Low Code     โดยในอนาคตสามารถรับงานจากประเทศในภูมิภาคได้   ทั้งนี้ภายในปี 2568 บริษัทจะมีจำนวนนักพัฒนาถึง 150 คน  ขณะที่ สถาบัน MENDIX  Academy    จะเข้ามาช่วยพัฒนาบุคลากรเพิ่มได้ 500-1,000 คน