การ์ทเนอร์ เปิดเทรนด์สำคัญกระทบองค์กร-ผู้ใช้ไอที

17 ม.ค. 2565 | 06:56 น.

การ์ทเนอร์ อิงค์ คาดการณ์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับองค์กรไอทีรวมถึงผู้ใช้ในปีนี้และอนาคต จากการสำรวจปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ที่เกิดจากบทเรียนของธุรกิจต่างๆ ที่ผู้บริหารทั้งด้านธุรกิจและด้านไอทีได้เรียนรู้จากการหยุดชะงักและความไม่แน่นอนที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง

แดริล พลัมเมอร์ รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ เปิดเผยว่า บทเรียนที่ได้รับจากการระบาดครั้งนี้คือความคาดการณ์สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และเตรียมพร้อมเดินหน้าด้วยการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายไปพร้อมๆ กัน ผู้นำที่มอบทางเลือกให้กับทีมงานเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรและวางแผนรับมือการเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที มีความยืดหยุ่นสูงจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 

 “ความยืดหยุ่น โอกาสและความเสี่ยง ล้วนเป็นองค์ประกอบของการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ดี เพียงแต่เวลานี้ปัญหาเหล่านี้ต้องมีการตีความใหม่ ดังนั้นการคาดการณ์ในปีนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการสร้างความยืดหยุ่นด้วยวิธีที่ไม่ใช่รูปแบบเดิมๆ ตั้งแต่ทักษะการทำงานไปจนถึงโมดูลทางธุรกิจ ขณะที่ต้องมองโอกาสและความเสี่ยงที่ต้องมีการตระหนักถึงความเร่งด่วนมากกว่าที่เคยเป็น”

การ์ทเนอร์ เปิดเทรนด์สำคัญกระทบองค์กร-ผู้ใช้ไอที

ภายในปี 2567 ผู้บริโภคราว 40% จะมีพฤติกรรมใหม่ๆ ที่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาที่ถูกติดตามหรือรวบรวมไว้ลดบทบาทลง ซึ่งทำให้ธุรกิจสร้างรายได้จาก ข้อมูลเหล่านั้นได้ยากขึ้น

 

ผู้บริโภคตระหนักมากขึ้นว่าข้อมูล ส่วนบุคคลที่บริษัทต่างๆ ได้จากพวกเขามีมูลค่ามหาศาล รวมถึงพลังของข้อมูลเมื่อใช้อัลกอริธึมการแนะนำต่างๆ เพื่อให้สอดรับ กับพฤติกรรม โดยที่ผู้บริโภคส่วนหนึ่งกำลังหาวิธีป้องกันการติดตามข้อมูลและพฤติกรรมส่วนตัวเพื่อเป็นการตอบโต้

 

ภายในปี 2567 ทีมในองค์กรถึง 30% จะทำงานกันได้โดยไม่ต้องมีหัวหน้างาน อันเป็นผลจากการเรียนรู้และกำกับการทำงานด้วยตัวเอง รวมถึงความคุ้นเคยกับธรรมชาติของการทำงานแบบไฮบริด

 

การระบาดใหญ่ทำให้รูปแบบการทำงานที่มีความคล่องตัวได้ฝังตัวไปในการดำเนินธุรกิจและยังปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ ไปสู่คุณค่าที่แท้จริง รวมถึงเปลี่ยนบทบาท การตัดสินใจจากศูนย์กลางมาเป็นแบบเพียร์ทูเพียร์ ช่วยลดปัญหาคอขวดและประหยัดเวลาท่ามกลางสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด

 

ภายในปี 2568 ข้อมูลสังเคราะห์ (หรือ Synthetic Data) จะลดการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เพื่อเลี่ยงการถูกควํ่าบาตรจากการละเมิดความเป็นส่วนตัว (70%)

 

ข้อมูลที่สร้างโดยใช้เทคนิคปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือที่เรียกว่าข้อมูลสังเคราะห์ (Synthetic Data) กำลังมีบทบาทเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลสังเคราะห์สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนข้อมูลจริง ทำให้ลดการรวบรวม ใช้ หรือแบ่งปันข้อมูลที่มีความอ่อนไหวลง สิ่งนี้มีความสำคัญสอดคล้องกับกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวที่มีความสมบูรณ์และมีความเฉพาะในระดับภูมิภาคได้กดดันให้องค์กรหันมาลดความเสี่ยงของการละเมิดความเป็นส่วนตัวและรับรองความยืดหยุ่น

ภายในปี 2567 การโจมตีทางไซเบอร์จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อโครงสร้างพื้นฐานที่กลุ่ม G20 จะโต้ตอบด้วยการโจมตีทางกายภาพ

 

ในอดีตประเทศต่างๆ มองว่าการโจมตีทางไซเบอร์นั้นเป็นอาชญากรรม ไม่ใช่การทำสงคราม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความสูญเสียที่เกิดจากการโจมตีขนาดใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ พุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นรัฐบาลบางประเทศกำลังเตรียมการรับมือสงครามไซเบอร์ผ่านหน่วยป้องกันทางไซเบอร์เฉพาะกิจ

 

ภายในปี 2567 ผู้บริหารไอที 80% จะเผยให้เห็นการออกแบบธุรกิจในแบบแยกส่วนเป็นโมดูล ผ่านหลักการออกแบบระบบที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบ เป็นหนึ่งในเหตุผลหลัก 5 ประการ เพื่อเร่งประสิทธิภาพทางธุรกิจ

 

ในปี 2568 ประมาณ 3 ใน 4 ของบริษัทต่างๆ จะ “เลิกให้ความสำคัญ” กับกลุ่มลูกค้าที่ไม่เหมาะกับธุรกิจ เนื่องจากต้นทุนการรักษาฐานลูกค้ากลุ่มนี้ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้ลูกค้าที่เหมาะสมกับธุรกิจ

 

องค์กรมักลบลูกค้าที่ไม่เข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการของธุรกิจออกไปจากกระบวนการขาย ซึ่งมีธุรกิจไม่กี่รายเท่านั้นที่บอกลาลูกค้าทันทีหลังจากที่พวกเขาซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการแล้ว ทั้งนี้การรักษาลูกค้าที่ไม่เหมาะกับธุรกิจมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งในแง่ของเวลาที่ใช้เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เช่นเดียวกับต้นทุนค่าเสียโอกาส ความเสื่อมสภาพของแบรนด์ และการสูญเสียผลกำไรระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นได้

 

ในปี 2569 จะมีนักพัฒนาที่มีความสามารถทั่วทั้งแอฟริกาเพิ่มขึ้นถึง 30% โดยจะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและกลายเป็นระบบนิเวศของธุรกิจสตาร์ทอัพของโลก และแข่งกับเอเชียเพื่อชิงการเติบโตของกองทุนจากนักลงทุน

 

เงินทุนที่ถาโถมสู่แอฟริกาทำให้หลายประเทศในภูมิภาคนี้กลายเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรม” และหวังว่าจะขยายความร่วมมือไปยังบริษัทขนาดใหญ่และสตาร์ทอัพอื่นๆ ได้มากขึ้น เพื่อดึงคนที่มีความสามารถและเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศ โดยอีก 3 ปีข้างหน้าภูมิภาคนี้จะมีนักพัฒนามืออาชีพเกือบ 900,000 คนทั่วแอฟริกา ผ่านช่องทางการศึกษานอกระบบที่เพิ่มขึ้น

 

ในปี 2569 สินทรัพย์ดิจิทัล Non- Fungible Token (NFT) ที่ใช้กลยุทธ์ Gamification จะขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก

 

โดยภายในปี 2567 การ์ทเนอร์คาดว่า 50% ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะมีสินทรัพย์ดิจิทัล (NFT) ที่สนับสนุนแบรนด์และ/หรือระบบนิเวศดิจิทัลของตน ซึ่ง NFTs จะกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังเพื่อใช้เสริมศักยภาพให้แก่ระบบนิเวศดิจิทัลและประเมินมูลค่าขององค์กรได้รวดเร็วขึ้น

 

ภายในปี 2570 ดาวเทียมวงโคจรตํ่าจะขยายความครอบคลุมของสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยังประชากรที่ยากจนที่สุดในโลกอีกพันล้านคน ช่วยให้ 50% ของคนเหล่านี้หลุดพ้นจากความยากจน

 

ภายในปี 2570 ประมาณ 1 ใน 4 ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 20 จะถูกแทนที่โดยบริษัทด้านการตอบสนองของระบบประสาทและผู้มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของจิตใต้สำนึกวงกว้าง