เสียวหมี่เผยรายได้และกำไรไตรมาส 2 เติบโตเป็นประวัติศาสตร์

26 ส.ค. 2564 | 10:59 น.

เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม IoT เผยผลการดำเนินงานก่อนตรวจสอบในช่วงสามเดือนและหกเดือนจนถึง 30 มิถุนายน 2564

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่มีรายได้กว่า 87.8 พันล้านหยวน นับว่าเติบโตขึ้น 64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรหลังการปรับปรุงอยู่ที่ 6.3 พันล้านหยวน เติบโตขึ้น 87.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับว่ารายได้รวมและกำไรหลังการปรับปรุงสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสนี้ แสดงให้เห็นถึงโมเดลธุรกิจที่ยอดเยี่ยมและการปรับตัวที่ดีของการดำเนินงาน

ตัวเลขไฮไลต์ของช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 มีดังนี้

•            รายได้รวม 87,789 ล้านหยวน เติบโต 64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

•            กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15,148.1 ล้านหยวน เติบโต 96.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

•            กำไรหลังการปรับปรุงอยู่ที่ 6,321.5 ล้านหยวน โตขึ้น 87.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ตัวเลขไฮไลต์ครึ่งปีแรกของ 2564 มีดังนี้

•            รายได้รวม 164,671.2 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 59.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

•            กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29,309.4 ล้านหยวน เติบโต 92.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

•            กำไรหลังการปรับปรุงอยู่ที่ 12,390.8 ล้านหยวน โตขึ้น 118.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เสียวหมี่เผยรายได้และกำไรไตรมาส 2 เติบโตเป็นประวัติศาสตร์

เสียวหมี่ กล่าวว่า “ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 กลยุทธ์ ‘Smartphone x AIoT’ ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของพวกเรา ต่อจากนี้ เสียวหมี่จะเดินหน้าไปกับกลยุทธ์แบรนด์ควบคู่ (Dual Brand Strategy) และเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีชั้นสูง อีกทั้งจ้างงานและพัฒนากลุ่มผู้มีทักษะทั้งหลาย ตลอดจนพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย และยกระดับการให้บริการพรีเมียมสมาร์ทโฟนรวมถึงประสบการณ์ผู้ใช้งาน เราจะยังยึดถือกลยุทธ์หลักของเรา ‘Smartphone x AIoT’ โดยทำงานอย่างทุ่มเทเพื่อพัฒนานวัตกรรมชั้นสูงรวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยในทุกกลุ่มสินค้า นอกจากนี้ เสียวหมี่จะพัฒนาระบบการเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนและสินค้า AIoT เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานอย่างสมบูรณ์ในทุกกลุ่มสินค้าและยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนบนโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้น

การส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกส่งผลให้เสียวหมี่ขึ้นแท่นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับที่ 2 และด้วยนวัตกรรมและคุณภาพที่ดีของสินค้า เสียวหมี่ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง   และผลจากการที่เสียวหมี่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง มีการจ้างงานและพัฒนาทักษะพนักงาน รวมถึงพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่จึงเติบโตขึ้นอย่างมากในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 โดยจะเห็นได้จากรายได้และยอดการส่งมอบที่ทุบสถิติ ซึ่งรายได้รวมจากการขายสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 59.1 พันล้านหยวน แสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโต 86.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เสียวหมี่ส่งมอบสมาร์ทโฟนกว่า 52.9 ล้านเครื่อง เพิ่มสูงขึ้น 86.8% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และตามรายงานของ Canalys พบว่า การส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่ได้ไต่ขึ้นไปอยู่อันดับ2  ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของไตรมาสนี้ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 16.7%

ในขณะเดียวกัน การส่งมอบสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในประเทศจีนก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน จากการรายงานของ Canalys พบว่าในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็นเป็น 16.8% จาก 10.3% เมื่อไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 จึงทำให้เสียวหมี่ขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 3 ด้วยการเติบโตขึ้น 35.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในด้านการส่งมอบสมาร์ทโฟน นับได้ว่าเป็นการเติบโตในอัตราที่สูงที่สุดในหมู่บรรดาผู้เล่นหลักในตลาด

เสียวหมี่ยังคงดำเนินกลยุทธ์การทำแบรนด์ควบคู่ หรือ Dual Brand Strategy โดยภายใต้แบรนด์เสียวหมี่ บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม เสียวหมี่ประสบความสำเร็จอย่างมากในไตรมาสแรกของปี 2564 จากที่มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Xiaomi 11 Pro, Xiaomi 11 Ultra และ Xiaomi MIX FOLD ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และเมื่อ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เสียวหมี่เปิดตัว Xiaomi MIX 4 สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีกล้องใต้จอแสดงผลอย่างเต็มรูปแบบ

 จากข้อมูลของแหล่งอ้างอิงภายนอก ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ส่วนแบ่งทางการตลาดของสมาร์ทโฟนของ เสียวหมี่ในประเทศจีน ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ในช่วง 3,000 หยวนถึง 4,000 หยวน และ 4,000 หยวนถึง 5,000 หยวน รวมถึงกลุ่ม 5,000 หยวนขึ้นไป ได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในครึ่งแรกของปี 2564 การส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกที่มีราคาจำหน่ายมากกว่า 3,000 หยวนขึ้นไปในประเทศจีน และ 300 ยูโรหรือเทียบเท่าในตลาดต่างประเทศ ได้มีการส่งมอบไปแล้วกว่า 12 ล้านเครื่อง ซึ่งเกินกว่ายอด 10 ล้านเครื่องในปี 2563 ทั้งปีที่ได้เคยส่งมอบไป

 แบรนด์ Redmi ยังคงมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 เมษายน 2564 ยอดการส่งมอบ Redmi Note Series ทั่วโลกได้ทะลุไปกว่า 200 ล้านเครื่อง แสดงให้เห็นถึงการตอบรับแบรนด์ Redmi อย่างดีจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่ รวมถึงยังสะท้อนคุณภาพที่ดีของสินค้าอีกด้วย โดยในวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา เสียวหมี่ได้เปิดตัว Redmi    Note 10 Series ในประเทศจีน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้งาน

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 สินค้าไลฟ์สไตล์และ ผลิตภัณฑ์ AIoT ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตอย่างมั่นคง โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 35.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือที่ 20.7 พันล้านหยวน

ในส่วนของสมาร์ททีวี  ได้มีการส่งมอบไปกว่า 2.5 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งนับได้ว่าเสียวหมี่สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดไว้ได้ จากการรายงานของ All View Cloud (“AVC”) การส่งมอบทีวีของเสียวหมี่ครองอันดับหนึ่งในประเทศจีนติดกันเป็นไตรมาสที่สิบ และยังรั้งอยู่ในห้าอันดับแรกของโลก

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์และ AIoT ของเสียวหมี่ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดต่างประเทศ โดยรายได้จากสินค้ากลุ่มนี้ในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 93.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในช่วงปีก่อน สินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดนี้มี อาทิ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า สมาร์ททีวี สมาร์ทแบนด์ และ สมาร์ทวอทช์ เป็นต้น

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 เสียวหมี่มีจำนวนผลิตภัณฑ์ IoT (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) กว่า 374.5 ล้านเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่กับแพลตฟอร์ม AIoT ซึ่งเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนของผู้ใช้งานที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ 5 เครื่องหรือมากกว่ากับแพลทฟอร์ม (ซึ่งไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ได้แตะ 7.4 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อย สะท้อนให้เห็นอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 44.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในเดือนมิถุนายนนี้เอง มีจำนวนผู้ใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ  AI Assistant (“小愛同學”) เกินกว่า 100 ล้านคนเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนถึง 102 ล้านคน และจำนวนผู้ใช้งานที่เชื่อมต่อกับ Mi Home App เพิ่มขึ้นถึง 56.5 ล้านคน นับเป็นการเติบโตกว่า 38.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน

การให้บริการอินเตอร์เน็ตของเสียวหมี่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่มีรายได้จากการให้บริการอินเตอร์เน็ตอยู่ที่ 7 พันล้านหยวน นับได้ว่าสูงเป็นประวัติการณ์และเติบโตเพิ่มขึ้น 19.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

จะเห็นได้ว่าการให้บริการอินเตอร์เน็ตของเสียวหมี่ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและได้เติบโตสูงสุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 โดยในเดือนมิถุนายน จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนของ MIUI เพิ่มขึ้น 32.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ คิดเป็น 453.8 ล้านคน โดยมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ถึง 124 ล้านคน เติบโตขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 5.3 ล้านคนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 นอกจากนี้เดือนมิถุนายน เสียวหมี่มีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนสำหรับสินค้าสมาร์ททีวีและ Xiaomi Box เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 จำนวนผู้ใช้บริการแบบชำระเงินเพิ่มสูงถึง 4.7 ล้านคน หรือกว่า 17.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้จากการโฆษณาของเสียวหมี่เองก็เพิ่มขึ้นสูงสุดในไตรมาสนี้เช่นเดียวกัน คิดเป็นเม็ดเงิน 4.5 พันล้านหยวน หรือเติบโตขึ้น 46.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่มีรายได้จากการให้บริการอินเตอร์เน็ตในตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 1.1 พันล้านหยวน เติบโตขึ้น 96.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาสนี้ รายได้จากการให้บริการอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 15.6% จากรายได้รวมของการให้บริการอินเตอร์เน็ต รายได้และสัดส่วนดังกล่าวนับได้ว่าจุดสูงสุดในประวัติการณ์ ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ เกิดจากความพยายามในการขยายฐานผู้ใช้งานในตลาดสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่การขยายตัวของผู้ใช้งานรายเดือน MIUI ในยุโรปตะวันตก และแถบลาตินอเมริกา โดยคิดเป็นสัดส่วน 60% และ 125% เมื่อเทียบกับเมื่อปีก่อนตามลำดับ

ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่ยังสามารถเติบโตได้ดีในตลาดต่างประเทศ โดยสามารถส่งมอบสินค้าได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในตลาดหลักทั่วโลก ในไตรมาสนี้ เสียวหมี่มีรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 81.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็น 43.6 พันล้านหยวน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากและยังคิดเป็น 49.7% จากรายได้รวม ตามรายงานของ Canalys พบว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดของเสียวหมี่ในไตรมาสนี้ติดห้าอันดับสูงสุดในกว่า 65 ประเทศทั่วโลก และขึ้นเป็นอันดับหนึ่งใน 22 ประเทศ โดยใน 10 ประเทศเหล่านั้น เสียวหมี่ได้ขึ้นอันดับหนึ่งเป็นครั้งแรก

เสียวหมี่ยังคงพยายามเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดสำคัญ จากการรายงานของ Canalys พบว่ากลุ่มธุรกิจเสียวหมี่ได้ขึ้นอันดับหนึ่งในทวีปยุโรปเป็นครั้งแรก ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 28.5% ในไตรมาสที่ 2 สำหรับโซนยุโรปตะวันตก ส่วนแบ่งทางการตลาดของสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ขึ้นไปถึง 22.2% และยังติดอยู่ในสามอันดับแรก ในขณะเดียวกัน เสียวหมี่ได้ขึ้นอันดับหนึ่งเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกันในโซนยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 36.4% นอกจากนี้ ในประเทศสเปน เสียวหมี่ได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งติดกันกว่า 6 ไตรมาส มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 41.2% สำหรับในประเทศอิตาลีและประเทศฝรั่งเศส เสียวหมี่ได้ขึ้นอับดับหนึ่งเป็นครั้งแรกโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 35% และ 29.7% ตามลำดับ ในส่วนของประเทศเยอรมนี เสียวหมี่ยังสามารถรั้งสามอันดับแรกไว้ได้ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 15.2%

นอกจากนี้ สินค้าที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพของเสียวหมี่นั้นยังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในตลาดเกิดใหม่ด้วย โดยจะเห็นได้จากการเติบโตที่รวดเร็วของสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน จากการรายงานของ Canalys การส่งมอบสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในตลาดลาตินอเมริกาช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ได้เพิ่มขึ้น 324.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเสียวหมี่ได้ติดอยู่สามอับดับแรก ในขณะเดียวกัน อัตราการเติบโตของสินค้าเสียวหมี่ในตลาดกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาก็เพิ่มขึ้น 20.9% และ 8.5% ตามลำดับ นอกจากนี้ เสียวหมี่เองยังสามารถทำการส่งมอบสินค้าให้แก่ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยขึ้นเป็นอันดับหนึ่งและมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 28.2%

กลุ่มธุรกิจเสียวหมี่ยังคงมีความพยายามที่จะยกระดับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ในตลาดต่างประเทศ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เสียวหมี่ได้จำหน่ายสมาร์ทโฟนไปแล้วกว่า 10 ล้านเครื่องผ่านช่องทางการขายออนไลน์ในตลาดต่างประเทศ ยกเว้นประเทศอินเดีย  ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเติบโตกว่า 60% เมื่อเทียบกันกับช่วงเดียวของปีที่แล้ว

เสียวหมี่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 นี้   เสียวหมี่ได้ทุ่มงบวิจัยและพัฒนาไปกว่า 3.1 พันล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 56.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในเดือนกรกฎาคม 2564 กลุ่มธุรกิจเสียวหมี่ได้ลงทุนในโรงงานอัจฉริยะ Changping Smart Factory ในเขต Chang-ping กรุงปักกิ่ง นอกจากจะมีใช้เพื่อการผลิตสินค้าแล้ว บริเวณนี้จะยังถูกสร้างเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้า ควบคู่ไปกับโรงงานอัจฉริยะ Yizhuang Smart Factory โดยเสียวหมี่ตั้งเป้าให้ Changping Smart Factory ผลิตสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมกว่า 10 ล้านเครื่องต่อปี และยังเชื่อมั่นว่าโรงงานอัจฉริยะนี้จะสามารถยกระดับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ตลอดจนสามารถยกระดับความสามารถในการผลิต และปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศจีนอย่างรวดเร็ว