จากงานวิจัยพบว่า 91% ของเด็กนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” เคยถูกกลั่นแกล้งในสถานศึกษาจนถึงขี้นเสียใจหรือเสียความรู้สึก และเยาวชนที่โดนกลั่นแกล้งรังแกมากที่สุด คือ เยาวชนกลุ่ม LGBT ซึ่งคิดเป็น47.67%
กรองแก้ว ปัญจมหาพร ผู้เชี่ยวชาญงานส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย หน่วยงานไม่แสวงหากำไรที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนเด็ก และพันธมิตรของ ดีแทค Safe Internet ผู้ร่วมออกแบบบทเรียนออนไลน์ Gender Diversity Respect to Stop Cyberbullying บน ‘ห้องเรียนครูล้ำ’ พื้นที่การเรียนรู้ที่สนับสนุนให้บุคลากรครู อาจารย์สามารถให้ความช่วยเหลือ และคำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาภัยออนไลน์ กล่าวว่า เหตุการณ์กลั่นแกล้งไม่ว่าพื้นที่ออนไลน์หรือออฟไลน์เกิดจากการที่เด็กหรือคนในสังคมไม่เข้าใจถึง “ความแตกต่าง” คนที่มีความแตกต่างมักจะตกเป็น “เหยื่อ” เหมือนแกะดำในฝูงของแกะขาว ทั้งที่ในความเป็นจริง “ความแตกต่างหลากหลาย” เป็นธรรมชาติสิ่งมีชีวิตบนโลกมีจำนวนกว่า 8.7 ล้านสปีชี่ ขณะที่มนุษย์เองก็มีความหลากหลายทางพันธุกรรม ชาติพันธุ์ สีผิว สีตา สีปาก เช่นเดียวกับ ความเป็นเพศก็มีความหลากหลาย
ในการทำงานเพื่อให้เข้าใจถึงความแตกต่างหลากหลายทางเพศของมนุษย์ นักสิทธิมนุษยชนได้มีการพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า “SOGIESC” ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งทางสิทธิมนุษยชนที่ใช้เป็นกรอบทางความคิด เพื่อทำความเข้าใจกับองค์ประกอบและความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศ ซึ่งมีองค์ประกอบ 4 ส่วนดังนี้
จะเห็นได้ว่า การสำนึกทางเพศที่ไม่สอดคล้องกับกรอบหรือความคาดหวังของสังคมนั้นไม่ได้เป็น “ความผิดปกติ” แต่ในหลายครั้ง ความสำนึกรู้ทางเพศที่แตกต่างจากบรรทัดฐานของสังคม ทำให้เกิดความละอายแก่ใจ ความเกรงกลัวต่อศีลธรรม มโนธรรม รู้สึกถึงความขัดแย้งในใจของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เมื่อ “ค้นพบตัวเอง" แล้วหลักสำคัญประการแรกคือ “การยอมรับตัวเอง” (Self-embracement) รักตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็นชื่นชมความเป็นเพศที่เราเป็น ยิ่งเกิดการยอมรับในตัวเองได้เร็วเท่าไร ยิ่งช่วยหนุนศักยภาพของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น เป็นประชากรที่มีคุณภาพของสังคม แต่หากต้องการเปิดเผยตัวเอง (Come out) ต่อพ่อแม่หรือคนรอบข้าง ควรประเมินและเข้าใจถึงกรอบคิดของพ่อแม่ต่อเพศวิถีเสียก่อน และที่สำคัญควรหา “พื้นที่” ในการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ เพื่อลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากพ่อแม่ได้มีทักษะที่เอื้ออาทรเสมอไป ในส่วนบทบาทของพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรให้เด็กๆ ได้มีโอกาสในการ “เลือกใช้ชีวิต” ของเขาเอง เลี้ยงดูให้เขามีความสุข ซึ่งเป็นเส้นทางของการนำไปสู่การประสบความสำเร็จในชีวิต
นอกจากนี้ “โรงเรียน” พื้นที่ทางสังคมแห่งแรกของเด็ก ควรออกแบบให้เป็นพื้นที่ที่เอื้ออาทร เป็นมิตร ปลอดภัย ทุกคนเคารพความเท่าเทียมของมนุษย์ ผ่านการเรียนการสอนตั้งแต่เด็ก ให้เข้าใจถึงแนวคิด “ความแตกต่างหลากหลาย” ที่เป็นธรรมดาของโลก ไม่ใช่ความผิดปกติ
“สำนึกทางเพศเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องส่วนบุคคล และไม่ใช่เรื่องที่ต้องอธิบายให้ทุกคนจำเป็นต้องรู้ คนในสังคมมีส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้างบรรยากาศในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ไม่ตีตรา ไม่ควรไปอยากรู้เรื่องสำนึกทางเพศของผู้อื่น เคารพซึ่งกันและกันโดยไม่เลือกปฏิบัติบนฐานของความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่บรรทัดฐานของสังคม”