กรมควบคุมมลพิษ ลุย “ขยะไม่กำพร้า” มอบ 2 ตัน SCG แปรรูปเป็นพลังงาน

26 พ.ย. 2565 | 04:21 น.

กรมควบคุมมลพิษลุยโครงการ “ขยะไม่กำพร้า” มอบขยะ 2 ตัน ให้ SCG ใช้แปรรูปเป็นพลังงาน ชี้เป็นจุดเริ่มต้นการสร้างการมีส่วนร่วมในการดำเนินการลด และคัดแยกขยะ ณ ต้นทาง เพื่อกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.)ได้เป็นประธานเปิดโครงการ “ขยะไม่กำพร้า” เพื่อนำขยะกำพร้าส่งบริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (SCG) นำไปแปรรูปเป็นพลังงาน โดยมี นายมงคล พรชื่นชูวงศ์ ผู้อำนวยการธุรกิจสัมพันธ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (SCG) เป็นผู้รับมอบ

กรมควบคุมมลพิษส่งมอบขยะที่คัดแยกแล้วให้ SCG

 

โดยนายปิ่นสักก์ เผยว่า การจัดทำโครงการ “ขยะไม่กำพร้า” เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาการจัดการขยะมูลฝอย ยังมีการทิ้งขยะรวมกันทุกประเภท ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ต้องรับภาระในการกำจัดขยะจำนวนมาก และเมื่อมีการคัดแยกขยะแล้ว ยังมีขยะส่วนที่เหลือซึ่งเรียกว่า “ขยะกำพร้า” อีกจำนวนมากที่ต้องนำไปกำจัดทิ้ง ตัวอย่างเช่น เสื้อผ้า ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน หมอน ปลอกหมอน มุ้ง ชุดชั้นใน ถุงน่อง ถุงเท้า เป็นต้น ซึ่งขยะเหล่านี้ หากมีการเก็บรวบรวมในปริมาณมาก จะสามารถนำไปแปรรูปเป็นพลังงานได้

ขยะที่คัดแยกแล้ว

 

ดังนั้น คพ.จึงได้ร่วมกับ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (SCG) จัดทำโครงการขยะไม่กำพร้า เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จะช่วยตอบโจทย์ปัญหาดังกล่าว โดย คพ. ได้เชิญชวนเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงานนำขยะกำพร้าที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมารวบรวมให้มีปริมาณมากพอ จนคุ้มค่าต่อการนำไปใช้ประโยชน์ในการเผาเป็นพลังงาน

 

ทั้งนี้ในปี 2565 มีผู้นำขยะกำพร้ามาบริจาคจำนวน 2 ตัน คพ.จะนำขยะกำพร้าเหล่านี้ส่งมอบให้ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (SCG) ขนส่งไปยังโรงไฟฟ้า มาบตาพุด อีโค่-เอ็นเนอร์ยี แพลนท์ เพื่อแปรรูปเป็นพลังงานต่อไป

 

สำหรับกิจกรรมนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างการมีส่วนร่วมในการดำเนินการลด และคัดแยกขยะ ณ ต้นทาง เพื่อให้เกิดรากฐานการจัดการขยะที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน การสร้างกลไกความร่วมมือจากภาคส่วน โดยโครงการดังกล่าวจะสามารถเป็นต้นแบบขยายไปยังหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและครัวเรือน เป็นการสร้างวินัยในการคัดแยกขยะ ลดปริมาณขยะที่จะนำไปฝังกลบในสถานที่กำจัดขยะ และนำไปใช้ประโยชน์ด้านการผลิตพลังงานได้