เปิดแผน กกท. ปี 68 ยกระดับกีฬาสู่ระดับโลก เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจดันไทยยั่งยืน

13 ธ.ค. 2567 | 00:19 น.

เปิดแผน กกท. ปี 68 ยกระดับกีฬาสู่ระดับโลก เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจดันไทยยั่งยืน เดินหน้าเตรียมและส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ มุ่งนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ในการพัฒนา

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานปี 2568 ว่า จะดำเนินการตามแผนวิสาหกิจการกีฬาแห่งประเทศไทย 2568-2572 ที่ได้กำหนดวิสัยทัศน์พัฒนาการกีฬาให้ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติและบริหารจัดการองค์กรอย่างมีมาตรฐาน 

ทั้งนี้ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งมีกิจกรรมสำคัญ เช่น สนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ ได้แก่ การจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ กีฬาคนพิการแห่งชาติ และกีฬาอาวุโสแห่งชาติ 

การเตรียมและส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ เช่น เอเชียนเกมส์ ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน เวิลด์เกมส์ ครั้งที่ 12 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เอเชียนยูธเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่สาธาณรัฐอุซเบกิสถาน และเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาตส์เกมส์ 2025 ที่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น
 

นอกจากนี้ กกท. จะเดินหน้าสนับสนุนการจัดกิจกรรมและการแข่งขันกีฬาทุกระดับเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ทั้งการจัดการแข่งขันกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ กีฬาอาชีพและกีฬามวย กีฬาเพื่อการท่องเที่ยวและนันทนาการ (Sports Tourism) ส่งเสริมการนำแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model) มาใช้ในการจัดกิจกรรมกีฬา 

โดยรายการสำคัญระดับโลก เช่น การแข่งขันรถจักรยานยนต์ MOTO GP การแข่งขันวิ่งเทรล Amazean Jungle Thailand by UTMB พัฒนานักกีฬา บุคลากรกีฬาอาชีพและกีฬามวย รวมทั้งพัฒนาการบริการทางการกีฬา สนับสนุนกิจกรรมการเล่นกีฬาและออกกำลังกายของประชาชนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 

และอีกหนึ่งแผนงานสำคัญคือ การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ได้แก่ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก (FIVB Woman’s World Championship 2025) ซึ่งจะสร้างชื่อเสียง เผยแพร่เอกลักษณ์ และสร้างรายได้ให้ประเทศไทย

เปิดแผน กกท. ปี 68 ยกระดับกีฬาสู่ระดับโลก เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจดันไทยยั่งยืน

"ในปี 2568 กกท. ยังคงให้ความสำคัญในการส่งเสริมกีฬาเพื่อความเป็นเลิศอย่างเป็นระบบครบวงจร มุ่งเน้นการนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ในการพัฒนานักกีฬาและบุคลากรทางการกีฬาให้มีศักยภาพในระดับนานาชาติและต่อยอดสู่กีฬาอาชีพ การพัฒนาระบบบริหารจัดการองค์กรในรูปแบบสมาร์ทออฟฟิศ และการที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13  ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่จะได้แสดงศักยภาพความพร้อมด้านการจัดแข่งขัน และเป็นการประชาสัมพันธ์ให้นานาประเทศรู้จักประเทศไทยมากขึ้นอีกด้วย” 
 

ดร.ก้องศักด กล่าวอีกว่า ภาพรวมปี 67 วงการกีฬาไทยขยับอันดับขึ้นสู่การแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ สามารถคว้าชัยชนะและสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย โดยเฉพาะการพัฒนานักกีฬาทีมชาติหน้าใหม่และประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับโลก 

นอกจากนี้ ยังผลักดันโครงการยกระดับการให้บริการของ กกท. (Smart National Sport Park) ให้เป็นสนามกีฬาที่มีเทคโนโลยีทันสมัย การส่งเสริมและยกระดับกีฬามวยไทยตามนโยบาย Soft Power การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ตลอดจนจัดกิจกรรมส่งเสริมประชาชนเล่นกีฬาและออกกำลังกาย ด้วยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

“การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่สาธารณรัฐฝรั่งเศส มีนักกีฬาจากกว่า 200 ประเทศเข้าร่วมแข่งขัน ในส่วนของประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน 51 คน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งด้านชนิดกีฬาและนักกีฬา โดยจำนวน 37 คนเป็นนักกีฬาหน้าใหม่ ซึ่งประเทศไทยได้ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง รวม 6 เหรียญรางวัล เป็นอันดับที่ 12 ของเอเชีย เช่นเดียวกับพาราลิมปิกเกมส์ 2024 มีนักกีฬาจาก 184 ประเทศเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน 79 คน มากที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน ซึ่งประเทศไทย ได้ 6 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน 13 เหรียญทองแดง รวม 30 เหรียญรางวัล เป็นอันดันดับที่ 6 ของเอเชีย"