ผ่าดวง 'อสังหาฯ - ศก.ไทย' เมื่อผู้ว่าฯคนใหม่ ปลุกไทยเทียบสากล

27 พ.ค. 2565 | 08:12 น.

รุ่นใหญ่อสังหาฯ 'อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ' ชู ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ปลุกประชาธิปไตยไทย ฟื้นความเชื่อมั่นสายตาต่างชาติ ฝากทบทวน'ผังเมือง'ดัน One Stop Service ลุ้นการท่องเที่ยวฟื้น ส่งออกโต หนุนจีดีพี ขณะอสังหาฯยังน่าห่วง จีดีพีต่ำ 5% คงฟื้นช้า อีกทั้งอุปสรรคใหญ่ กรณีจีนล็อกดาวน์

27 พ.ค.2565 - ปรากฎการณ์ คำสั่งประชาชน ซึ่งผลักดันให้ 'นายชัชชาติ สิทธิพันธ์' กลายเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ ด้วยคะแนนเสียงสูงสุดในประวัติการณ์ นอกจากจะสร้างความตื่นตัวในทางการเมืองของไทยแล้ว สำหรับในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เกี่ยวโยงกับนโยบายการพัฒนาเมือง โครงข่ายคมนาคม และกฎหมายระเบียบต่างๆ นั้น ถือเป็นการเรียกความเชื่อมั่นทางอ้อม ถึงแนวทางการบริหารงานใหม่ๆ ที่จะเป็นอานิสงส์ต่อการท่องเที่ยว การอยู่อาศัย และฟื้นฟูเศรษฐกิจปากท้องนำร่องของประเทศ 

ผ่าดวง 'อสังหาฯ - ศก.ไทย' เมื่อผู้ว่าฯคนใหม่ ปลุกไทยเทียบสากล

ขณะในมุมของ 'อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ' อดีตนายกสมาคมอาคารชุดไทย และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) ระบุ ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ จากประชาธิปไตย จุดสัญญาณชีพ 'ตลาดที่อยู่อาศัย' เปิดทาง ฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ พร้อมฝากการบ้าน กทม.ดัน One Stop Service ให้สำเร็จ ห่วงอสังหาฯฟื้นช้า เหตุเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน จีนยังล็อกดาวน์

ปลุกไทยเทียบสากล 

นางอาภา เผยมุมมองกับ 'ฐานเศรษฐกิจ' ว่า การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้ นับเป็นการคืนสิทธิคืนเสียงให้กับประชาชนอย่างมีนัยต่อประเทศ เพราะการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย ชูเมืองหลวงนำร่อง แสดงความเป็นสากล เทียบนานาประเทศ ทั้งนี้ สิ่งที่น่าติดตามและน่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวม คือ การเข้ามาโดยคะแนนเสียงถล่มทลาย ผ่านความหวังของประชาชนในนโยบายกว่า 200 ข้อ จะเป็นแรงกดดันให้เห็นภาพการทำงานเชิงรุกของนายชัชชาติ เพื่อรักษาระดับความพึงพอใจ ซึ่งจะทำให้เกิดผลดีต่อบ้านเมือง 

 

อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าว เป็นทั้งคุณและโทษ หากผู้ว่าฯคนใหม่ ทำไม่ได้อย่างพูด เพราะบางเรื่อง อาจเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกทม. รวมถึง ข้อจำกัดทางด้านงบประมาณของประเทศไทยด้วย เนื่องจากประเทศอยู่ภายใต้ภาวะหนี้สิน ที่ยังต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย เป็นต้น 

 

ฝากทบทวน'ผังเมือง'ดัน One Stop Service

สำหรับในแง่ธุรกิจอสังหาฯนั้น ซึ่งการพัฒนา มีความเกี่ยวเนื่องกับผังเมือง และการขออนุญาตต่างๆ กทม.เอง เปรียบเป็นผู้วางกำหนดระเบียบ เช่นเดียว กับ เรื่องผังเมือง ที่ผู้ประกอบการส่วนยใหญ่อยากให้มีการทบทวนเปลี่ยนสี เพิ่มพื้นที่พัฒนาฯ เดิมครั้งอยู่ในตำแหน่ง เคยมีการเสนอไปยัง กทม.เช่นกัน แต่ถูกตีกลับ เนื่องจาก ผู้ที่มีอำนาจชี้ชัดเรื่องนี้สูงสุด คือ กรมโยธาธิการและผังเมือง 

 

อย่างไรก็ตาม อยากฝากการบ้านผู้ว่าฯคนใหม่ ในฐานะ กทม. มีหน้าที่เป็นผู้เสนอ เรื่องการเปลี่ยนสีต่างๆของผังเมืองในอนาคต หากเห็นว่าส่วนใดสามารถปรับเปลี่ยนได้ โดยไม่มีผลกระทบตามมา ก็อยากให้ กทม.ช่วยสนับสนุนเท่าที่มีอำนาจขอบเขตอยู่ รวมถึง ภาคอสังหาฯ ยังอยากเห็น การผลักดันเรื่อง การบริการประชาชน และผู้ประกอบการในรูปแบบ One Stop Service ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อเพิ่มความคล่องตัว จากการพัฒนาโครงการละครั้ง ต้องผ่านหลายสิบหน่วยงาน ในการขอใบอนุญาตต่างๆ และบางส่วนทับซ้อนผิดพลาดตามมา  

 

"อสังหาฯอยากเห็น และผลักดันมาโดยตลอด เรื่อง การทำงานของกทม.ในรูปแบบ One Stop Service จากหลายสิบหน่วยงานให้เหลือเพียงหนึ่ง เพราะเคยมีบทเรียนเรื่องการขออนุญาตก่อสร้างที่ถูกต้อง สุดท้ายกลับถูกตีความว่าผิด เช่น กรณี อนันดา กระทบต่อภาพรวมอสังหาฯไทย ทำลายความเชื่อมั่นทั้งนายทุนต่างชาติที่จะเข้ามาและซื้อโครงการด้วย  "


อสังหาฯโตได้ GDPต้อง5%

ขณะมุมมองต่อภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อ เสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยนั้น นางอาภา ระบุว่า เป็นสัญญาณเชิงลบต่อภาคอสังหาฯไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากกำลังซื้อในประเทศยังเผชิญกับ 'ภาวะหนี้ครัวเรือน' ซึ่งตามคาดการณ์ จีดีพีไทยปีนี้ อาจโตได้ไม่ถึง 3% แต่ในภาคอสังหาฯนั้น จะเติบโตได้ จีดีพีต้องเติบโตอย่างต่ำ 5% ถ้าน้อยกว่านี้ หรือ ลดลง ก็จะกระทบต่อตลาด สะท้อนภาพ 2 ปีที่ผ่านมา มียอดขายใหม่หดตัวรุนแรง ซึ่งผลจะปรากฎเด่นชัดในช่วงปี 2566-2567 ไม่ใช่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ และ ผลกำไรสุทธิที่โดดเด่นในช่วงปี 2564 หรือ ณ ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นผลบวกของแรงซื้อเก่าเมื่อปี 2561-2562 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี คาดหวัง สถานการณ์ช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นบ้าง แม้จะไม่ดีที่สุด เนื่องจาก 5 ปัจจัยบวก

 

" การส่งออกกลายเป็นอานิสงส์เชิงบวกเรื่องสงคราม เพราะไทยเป็นผู้ผลิตอาหาร พืชผลการเกษตรปีนี้ราคาดี ส่วนสภาพอากาศ ฝนดี มาเร็ว ย่อมช่วยต่อการเพาะปลูก ขณะเรื่องภาระหนี้ประเทศ แม้จะเป็นที่กังวล แต่การที่ไทยพึ่งพาเงินทุนต่างชาติน้อย ทำให้เรายังมีเสถียรภาพ และอัตราดอกเบี้ย ยังคงนิ่งอีกสักพัก ช่วยเรื่องสินเชื่อ ส่วนเงินบาทอ่อนค่า เชื่อว่าไทยน่าจะเอาอยู่ "

ผ่าดวง 'อสังหาฯ - ศก.ไทย' เมื่อผู้ว่าฯคนใหม่ ปลุกไทยเทียบสากล

จีนไม่มา จุดบอดอสังหาฯไทย

ทั้งนี้ ปัจจัยลบในภาคเศรษฐกิจ และ อสังหาฯ ที่สำคัญ มองว่า เป็นกรณี ที่จีนยังคงนโยบายซีโร่โควิด ปิดประเทศไม่เดินทาง เนื่องจาก ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยพึ่งพากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นหลัก แต่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณกลับเข้ามา แม้จะมีนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆมาพยุง แต่ประเมินแล้ว จำนวนและอัตราการใช้จ่ายต่อหัวไม่เทียบเท่าคนจีน ฉะนั่น จะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เศรษฐกิจไทยและอสังหาฯไทย ที่เกี่ยวเนื่อง อาจฟื้นตัวได้ช้า 

 

"ขณะนี้เราหิวมาก เรื่องของการท่องเที่ยว เพราะไม่มีสัญญาณว่าจีนจะกลับมา เพื่อทำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวแข็งแรงในเร็ววัน เพราะจีนเป็นกลุ่มก้อนคน ที่มากิน มาใช้ กระตุ้นเม็ดเงินเป็นกอบเป็นกำ หากจีนกลับมา เศรษฐกิจไทยน่าจะแข็งแรงได้เร็วกว่านี้" 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับ บมจ. ริชี่เพลซ 2002 ในปี 2565 นั้น ยังคงแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการริชตัน พัฒนาการ สวนหลวง , โครงการริชตัน ดอนเมือง เพิ่มสิน และ 2 คอนโดใหม่ โครงการไฮไลท์ ย่านทำเลพระราม 9