บช.น.รับผู้ก่อเหตุกราดยิงหนองบัวลำภูอยู่ในสังกัด

07 ต.ค. 2565 | 08:09 น.

บช.น. เสียใจญาติผู้เสียชีวิตเหตุกราดยิงหนองบัวลำภู รับผู้ก่อเหตุสังกัดนครบาล ย้ายกลับภูมิลำเนา คาดเอี่ยวยาเสพติดช่วงทำงานสายสืบ เตรียมเสนอตรวจสอบครอบครอง ใบอนุญาตปืน ให้ต้นสังกัดตรวจประวัติรายบุคคล ยึดใบอนุญาตตำรวจที่ถูกไล่ออก พร้อมทำประวัติบุคคลเฝ้าระวัง

พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น.ในฐานะ รองโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีผู้ก่อเหตุโศกนาฎกรรมที่จ.หนองบัวลำภู  เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า จากการตรวจสอบผู้ก่อเหตุ เคยรับราชการตำรวจในสังกัดนครบาลโดยปฏิบัติหน้าที่วันที่ 1 พ.ย.56 ทำหน้าที่ ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สน.ยานนาวา จากนั้นย้ายไปที่ สน.ลุมพินี ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เมื่อวันที่ 24 ก.ค.60 ก่อนย้ายกลับไปภูมิลำเนา ในตำแหน่ง ผบ.หมู่งาน ป.สภ.นาวัง วันที่ 10 ก.ค.62

“ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ อยู่ในสังกัดนครบาลมีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมเก็บตัวและไม่สุงสิงกับเพื่อนร่วมงาน และจากรายงานการขอย้ายกลับภูมิลำเนานั้น ระบุว่า ไม่ถนัดในการใช้งานคอมพิวเตอร์ และการปฏิบัติงานในภาพรวมไม่มีความโดดเด่น และพบว่ามีนิสัยชอบเล่นปืน”

ประเด็นเกี่ยวกับยาเสพติด คาดว่าตัวผู้ก่อเหตุอาจจะเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มาก่อนรับราชการตำรวจ และเมื่อมาปฏิบัติหน้าที่งานสืบสวน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับยาเสพติด ทำให้กลับมาอยู่ในวงจรของยาเสพติดได้ ส่วนในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้มีงานเกี่ยวข้องในการเข้าถึงประชาชนแต่อย่างใด

 

แนวทางการป้องกันของกองบัญชาการตำรวจนครบาลนั้น ตามปกติ จะมีการตรวจหาสารเสพติด ผู้ใต้บังคับบัญชา ในแต่ละโรงพัก ตามวงรอบ ของแต่ละโรงพักที่กำหนด ในลักษณะสุ่มตรวจ โดยสถิติตั้งแต่ปี พ.ศ 2563-2565 ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ ไล่ข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.น.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือ เสพยาเสพติดออกจากราชการจำนวนทั้งสิ้น 7 ราย

 

เรื่องอาวุธปืนของข้าราชการตำรวจนครบาลจะมีการนำเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ตรวจสอบการครอบครอง รวมทั้งการเซ็นใบอนุญาตการครอบครองอาวุธปืน จะให้ทางผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด เป็นผู้ตรวจสอบประวัติของผู้ที่ขออนุญาตครอบครองทั้งหมด เป็นรายบุคคล ส่วนข้าราชการตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการไปแล้วจะทำการยึดใบอนุญาต พร้อมทั้งทำประวัติเป็นบุคคลเฝ้าระวังอีกด้วย

 

แนวทางป้องกัน หากเกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นในพื้นที่นครบาล ซึ่งเป็นพื้นที่แคบ มีตรอกซอกซอยเยอะ รวมถึงการจราจรที่หนาแน่น  วิธีการใช้สายตรวจเคลื่อนที่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ในการเข้าระงับเหตุในพื้นที่เป็นชุดแรก จากนั้นจึงจะวางยุทธวิธีในการ ควบคุมสถานการณ์ เชื่อว่ากองบัญชาการตำรวจนครบาลสามารถควบคุมเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ 100 เปอร์เซ็นต์

 

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชน รวมถึงตำรวจ ยอมรับว่าผู้ก่อเหตุ เคยเป็น ตำรวจ และยังสังกัดในกองบัญชาการตำรวจนครบาล รู้สึกเสียใจ ที่ผู้ก่อเหตุนำวิธีการปฏิบัติไปใช้ในทางที่ผิดจนเกิดความสูญเสียเช่นนี้ ทั้งนี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล จะมีมาตรการในการตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดทั้ง 88 โรงพักรวมถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างมาตรฐาน และขอให้มั่นใจ ใน ข้าราชการตำรวจที่จะออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง”