ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก รับข่าว"เมอร์ค"ตรียมยื่นอนุมัติใช้ยาต้านโควิด

04 ต.ค. 2564 | 02:19 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้(4 ต.ค.) รับข่าวที่"เมอร์ค"บริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า เตรียมยื่นเรื่องต่อ FDA เพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ในกรณีฉุกเฉิน

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,044.47 จุด เพิ่มขึ้น 273.4 จุด หรือ +0.95% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,478.68 จุด ลดลง 96.96 จุด หรือ -0.39%
         
 ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (4 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ

เมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(1 ต.ค.)ว่า ทางบริษัทเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ในกรณีฉุกเฉิน

ทั้งนี้ เมอร์คเปิดเผยว่า ยาโมลนูพิราเวียร์สามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ถึง 50% โดยผลการทดลองในระยะที่ 3 พบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์จำนวนเพียง 7.3% ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลภายในเวลา 29 วัน และไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกจำนวน 14.1% ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลภายในเวลา 29 วัน และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 ราย

ขณะนี้เมอร์คกำลังทดลองยาโมลนูพิราเวียร์ร่วมกับบริษัทริดจ์แบ็ค ไบโอเทราพิวติกส์ ซึ่งเป็นการทดลองในระยะที่ 3 โดยแบ่งเป็นการทดลองสำหรับยารักษา และยาป้องกันโรคโควิด-19 โดยเมอร์คได้เริ่มผลิตยาโมลนูพิราเวียร์แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถผลิตได้ 10 ล้านเม็ดภายในสิ้นปีนี้ และจำนวนมากขึ้นในปีหน้า        

แม้ว่าขณะนี้ยาโมลนูพิราเวียร์ยังไม่ได้รับการรับรองจาก FDA แต่หลายประเทศทั่วโลกก็ได้เริ่มสั่งยาโมลนูพิราเวียร์จากเมอร์คแล้ว ซึ่งรวมถึงสหรัฐ โดยทางบริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากรัฐบาลสหรัฐในการจัดส่งยาจำนวน 1.7 ล้านเม็ด

นอกจากนี้ เมอร์คระบุว่า ทางบริษัทมีแผนที่จะกำหนดราคายาโมลนูพิราเวียร์โดยอ้างอิงจากการจัดแบ่งกลุ่มประเทศต่าง ๆ ตามเกณฑ์รายได้ของธนาคารโลก เพื่อรับประกันการเข้าถึงยาโมลนูพิราเวียร์อย่างเท่าเทียมกันสำหรับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่เป็นไปในเชิงบวก, ความคืบหน้าในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 และแนวโน้มการผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,326.46 จุด เพิ่มขึ้น 482.54 จุด หรือ +1.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,357.04 จุด เพิ่มขึ้น 49.50 จุด หรือ +1.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,566.70 จุด เพิ่มขึ้น 118.12 จุด หรือ +0.82%