SNI ทุ่มงบเพิ่ม 30% เร่งหลายงานวิจัยดันสมุนไพรไทยแข่งขันในตลาดโลก

31 ม.ค. 2565 | 13:00 น.

SNI กลุ่มบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้สารสกัดสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพและความงาม โหมงบเพิ่ม 30% ดันงานวางรากฐานให้มั่นคงด้วยการวิจัยและพัฒนา ขยายธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมไปถึงการสนับสนุนการปลูกสมุนไพร และการนำไปใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในกลุ่ม Specialty Natural Innovation (SNI) กล่าวว่า “SNI ประกอบธุรกิจผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรไทยเป็นหลักโดยอาศัยองค์ความรู้จากภูมิปัญญาไทยตั้งแต่สมัยอดีต นำมาปรับพัฒนาต่อยอดผสมผสานรวมกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยพัฒนา และเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย โดยใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยผสานกับนวัตกรรม ในการสกัดสมุนไพร แต่ยังคงรักษาคุณสมบัติและคุณลักษณะเฉพาะของสมุนไพรไว้

 

และเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค บริษัทจึงได้ทำการปรับปรุงรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับการบริโภคมากขึ้น เน้นสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสมุนไพรไทย และยกระดับสมุนไพรไทย ให้ได้รับมาตรฐานเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับ สามารถแข่งขันในตลาดโลก เพื่อความมั่นใจด้านคุณภาพของสินค้าที่ออกสู่ผู้บริโภค”

 

ปัจจุบัน SNI ประกอบด้วย บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์  จำกัด (SNP) เป็นโรงงานสกัดสมุนไพรไทย เป็นโรงงานแห่งแรกที่มีการทำ standardization herbal actives ที่ใช้ในวงการแพทย์ มีการรับรองมาตรฐานระดับสากล เช่น ISO9001 : 2015, HACCP, Halal, Organic มีการทำ partnership farming กับเกษตรกร ทำให้สามารถควบคุมความปลอดภัยของสมุนไพรไทยที่ใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการนำมาสกัด    

 

อีกทั้งล่าสุดบริษัท  สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (SNP) ได้รับอนุญาตสกัด CBD ได้แก้ ใบอนุญาตผลิต (ที่มิใช่การปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง เลขที่ใบอนุญาต ชบ 1/2564 (มป)  ให้ไว้ ณ วันที่ 8 พ.ย.2564  สำหรับเพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เป็นที่เรียบร้อย

ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในกลุ่ม Specialty Natural Innovation (SNI)

บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด (SI)  อีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนหลักในกลุ่มบริษัท มีวัตถุประสงค์หลักในการประกอบธุรกิจเพื่อพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ ขึ้นทะเบียนสินค้า ไปจนผลิตสินค้าสำเร็จรูป อาทิเช่น เครื่องสำอาง เวชสำอาง อาหารเสริม ยาสามัญ ผลิตภัณฑ์ยาพัฒนาสมุนไพร ภายใต้แบรนด์ลูกค้าเพื่อออกจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ บริษัทได้รับมาตรฐาน GMP, ISO9001:2008, HALAL, HACCP, FDA, LEED GOLD  

 

จากการใช้นวัตกรรมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับรางวัลมากมาย เช่น NIA รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านเศรษฐกิจ เป็นรางวัลที่มอบให้แก่ “ผลงานนวัตกรรม” ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ กระบวนการผลิตใหม่ บริการใหม่ หรือรูปแบบธุรกิจใหม่ ที่มีคุณค่าเชิงพาณิชย์และเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ รางวัลผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากสินค้าเกษตรไทย Agri Plus Award จากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

 

และได้รับ ESQR’s Quality Achievements Awards 2021 (European Society for Quality Research) รางวัลระดับนานาชาติสำหรับองค์กรสำหรับบริษัทชั้นนำที่มีความโดดเด่นในด้านคุณภาพ มีนวัตกรรมเทคโนโลยี และ มั่นคงในจรรยาบรรณ โดยจัดขึ้นที่ประเทศดูไบ

SNI ทุ่มงบเพิ่ม 30% เร่งหลายงานวิจัยดันสมุนไพรไทยแข่งขันในตลาดโลก

 

ดร.ธีรญา กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกเหนือจากความโดดเด่นเรื่องงานวิจัยกลุ่มบริษัท SNI สามารถเติบโต อย่างยั่งยืน เคียงคู่กับเครือข่ายการเกษตร ที่เราได้มีโอกาสเติบโตร่วมกับกลุ่มเกษตรกร ผู้ปลูกสมุนไพร เราสร้างความแข็งแกร่งตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านโครงการ “แทนคุณไทยฟาร์ม” โดยร่วมพัฒนากระบวนการเพาะปลูกกับกลุ่มเกษตรกรสมุนไพร นำองค์ความรู้ด้านวิชาการต่างๆ ถ่ายทอดให้เกษตรกร

 

เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพ มีสารสำคัญในปริมาณสูง และรับซื้อผลผลิตมาใช้ในการผลิตสารสกัดต่อไป ทั้งนี้ถือเป็นการควบคุมความปลอดภัยของวัตถุดิบ และ เพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรไทยกว่า 200 ครัวเรือน ใน 25 จังหวัดให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นผ่านการสร้างอาชีพที่มั่นคง

SNI ทุ่มงบเพิ่ม 30% เร่งหลายงานวิจัยดันสมุนไพรไทยแข่งขันในตลาดโลก

SNI คือ Greenovator ผู้นำด้านนวัตกรรมสมุนไพรเคียงคู่สิ่งแวดล้อม ผู้สร้างสรรค์ ส่งมอบสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน โดยประยุกต์ใช้ BCG Economy สร้างมูลค่าเพิ่มสมุนไพร เศรษฐกิจหมุนเวียน เคียงคู่กับการพัฒนาสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อมในการบริหารจัดการ

 

โดยในปีนี้เป็นอีกปีที่ดีสำหรับการเติบโตของ  SNI ที่ก้าวข้ามผ่านปีที่ 21 มาอย่างสวยงามและพร้อมที่จะมีการลงทุนเพิ่มเติมทั้งเพื่องานด้านการผลิต การวิจัย และงานการตลาด นำไปสู่การตอบสนองความต้องการของตลาดสินค้าสุขภาพที่เติบโตมากขึ้น

 

รวมไปถึงปัจจัยด้านการตลาดของสินค้าสมุนไพร และ กัญชา กัญชง ซึ่งงบประมาณส่วนนี้ของบริษัทมีอัตราที่สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาราว 30% และ เสริมด้วยนวัตกรรม Flexible packaging ภายใต้ KANAE Innovation ที่เหมาะสำหรับการเก็บผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมูลค่าสูง

 

SNI เชื่อมั่นว่าปี  2022 นี้ จะเป็นโอกาสที่ดี ในการเติบโตของธุรกิจ โดยตั้งเป้าเติบโตเท่าตัว บริษัทเตรียมแผนงานเพื่อขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ ได้แก่การรับรองโรงงานตามมาตรฐาน USFDA และ GHP FSSC22000 การเติบโตของตลาด ด้านสุขภาพหลังจากโควิด เช่น สารสกัดที่เสริมภูมิคุ้มกัน,  NCDs และ วัตถุดิบสารอาหารปลอดภัยกลุ่มโปรตีนทางเลือก สารปรุงรสชาติจากสมุนไพร  

 

เนื่องจากเป็นตลาดที่นิยมผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ รักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้” ดร.ธีรญา กล่าวทิ้งท้าย