8 How-to ร้านค้าออนไลน์ต้องทำ ปลุกยอดขายให้ปังทุกสถานการณ์

14 ก.ย. 2564 | 04:51 น.

LINE SHOPPING แนะ 8 How-to สร้างร้านเด็ด แบรนด์ดัง ปังไม่ไหว ปลดล็อกความปังให้หน้าร้านออนไลน์แบบฟรี ไม่เสียเงิน

ใครเปิดร้านค้าออนไลน์ขอเชิญมารวมกันทางนี้! ไม่ว่าจะเพิ่งเปิด กำลังตัดสินใจ หรือเปิดมานานแล้ว  ต้องไม่พลาด 8 How-to สร้างร้านเด็ด แบรนด์ดัง ปังไม่ไหว แชร์มุมมองสยบปัญหาเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นปี แต่ทำไมไม่ปัง ลงทุนเยอะคุ้มหรือเปล่าเนี่ย หรือเรียกลูกค้ายังไงให้เข้าร้านแล้วช้อปแบบรัวๆ วันนี้  LINE SHOPPING เพื่อนแท้ของร้านค้าออนไลน์ร้านเล็ก ขอแชร์ How-to ดีๆ ปลดล็อกความปังให้หน้าร้านออนไลน์แบบฟรี ไม่เสียเงิน

8 How-to ร้านค้าออนไลน์ต้องทำ ปลุกยอดขายให้ปังทุกสถานการณ์

8 How To รู้แบบนี้...ร้านปัง...ไปนานแล้ว

1.           รู้จักฉัน รู้จักเธอ เพื่อพิชิตใจลูกค้า

ก่อนอื่น ลองตอบคำถาม 4 ข้อนี้ เพื่อรู้ว่าคุณรู้จักร้านตัวเองดีพอหรือไม่ (1.1) ร้านของเรามีจุดเด่น จุดต่างจากร้านอื่นอย่างไร (1.2) รู้วิธีให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อกับเราอีก (1.3) อะไรคือโอกาสต่อยอดหรือข้อจำกัดของร้าน สุดท้าย (1.4) ปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่ทำให้ร้านไม่ปัง  หากสามารถตอบคำถามทั้ง 4 ข้อนี้ได้ ยินดีด้วยว่าคุณพร้อมติดอาวุธ ลุยแคมเปญและโปรโมชันสร้างร้านค้าออนไลน์ได้แล้ว แถมอีกข้อที่สำคัญที่สุด คือ ต้องรู้ด้วยว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านคุณคือใคร ชอบแบบไหน เพื่อทำแคมเปญให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม จะได้ไม่ตกม้าตายกลางทาง

2.           ถ้ามีของดี คาแรคเตอร์เด่น ต้องออกมาโชว์

การขายให้ปัง ไม่ใช่หมายถึงสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการมอบประสบการณ์และบริการที่โดดเด่นแก่ลูกค้าอีกด้วย เพราะจะช่วยดึงดูดและทำให้ร้านเป็นที่จดจำและได้รับการพูดถึงมากขึ้น  ดังนั้นการเปลี่ยนลุค การมีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร พร้อมพกความมั่นใจเต็มร้อยของเหล่าพ่อค้าแม่ค้า มาแนะนำ พูดคุยกับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะออนไลน์ อาทิ การไลฟ์สด ก็สามารถทำให้เกิดการบอกต่อแบบที่ร้านไหนๆ ก็ทำตามไม่ได้

3.           ทำคอนเทนต์ที่ใช่ ก็ไปไกลได้อีก!

ยุคนี้การทำคอนเทนต์เพียงแบบเดียวแล้วหว่านให้คนทุกกลุ่ม มันเอ้าท์ไปแล้ว เผลอๆ ยังทำให้ได้รับผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควรด้วยซ้ำ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มทำคอนเทนต์ สิ่งที่ร้านต้องรู้ คือ กลุ่มเป้าหมาย จุดประสงค์ของคอนเทนต์ และช่องทาง เพื่อวางแผนและกำหนดรูปแบบคอนเทนต์ในแต่ละครั้ง อาทิ รูปภาพ วีดีโอ ไลฟ์สด การเปิดโหวต หรือ  การส่งแบบสอบถามผ่าน LINE Official Account เป็นต้น เพราะถึงแม้สินค้าที่เราขายจะเหมือนกับร้านอื่น  แต่หากคอนเทนต์ปังกว่าก็เตรียมรับออเดอร์กันได้เลย

4.           เทรนด์สมัยนี้มาไว รู้ก่อนใครๆ ยิ่งได้เปรียบ

ความไวเป็นเรื่องของทุกคน ยิ่งรู้ไวและหยิบเทรนด์มาใช้กับแบรนด์หรือร้านได้แบบเรียลไทม์ได้ ยิ่งสร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง การอัปเดตเทรนด์เป็นเหมือนการติดอาวุธชั้นดีให้แบรนด์ได้เรียนรู้ เพื่อสามารถคาดเดาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายในอนาคต

5.           ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นเพื่อนที่แสนดี

พูดคุยอย่างเป็นกันเองและสุภาพ หยอดมุขบ้าง เพื่อสร้างประสบการณ์การแชทที่ดีให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้น รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของร้านอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา และไม่เร่งรัดมากเกินไป จะเป็นการสร้างความมั่นใจของลูกค้าให้เกิดขึ้น และแม้วันนี้ลูกค้าจะยังไม่ซื้อสินค้าของเรา แต่เชื่อเถอะว่าการสร้างความประทับใจในวันนี้ จะทำให้ร้านของเราเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าและพากลับมาหาเราอย่างแน่นอน

6.           UX/UI เปิดโลกสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งใหม่

การให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมและสามารถติตต่อกับร้านค้าได้โดยตรง ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจยุคนี้มาก แต่หลายคนในที่นี้อาจมองข้ามความสำคัญของแพลตฟอร์มไป การเลือกแพลตฟอร์มสำหรับสื่อสารที่มีหน้าตาที่ใช้ง่ายและไหลลื่น จะช่วยเพิ่มความประทับใจและสร้างประสบการณ์ที่ดีในการขายได้ ยิ่งถ้ามีสติ๊กเกอร์เข้ามาเพิ่มอรรถรสในบทสนทนา อาจสร้างโมเมนต์มุ้งมิ้งมัดใจลูกค้าไปอีก

7.           ใช้คนดังช่วยโปรโมทให้โลกรู้...ให้ร้านปังไปอีก

ยุคนี้ต้องยอมรับว่า อินฟลูเอนเซอร์ และ เซเลบคนดัง มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจริงๆ ซึ่งนอกเหนือจากงบโฆษณาแล้ว ร้านค้าอาจต้องกันงบส่วนหนึ่งไว้สำหรับการทำ Influencer Marketing โดยเลือกใช้ อินฟลูเอนเซอร์ ที่มีคาแรคเตอร์น่าสนใจ เหมาะสมกับสินค้าเรา ให้มาช่วยรีวิวและบอกต่อผ่านคอนเทนต์สนุกๆ นอกจากจะช่วยให้ร้านเราเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ยังสามารถสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

8.           เลือกแพลตฟอร์มที่ใช่ อะไรก็เป็นไปได้

เพราะร้านเล็กอาจมีทีมทำงานจำนวนไม่มาก แพลตฟอร์มที่เลือกใช้ควรจะเข้ามาเป็นผู้ช่วยอีกแรงที่มาแบ่งเบาให้ร้านค้าเหนื่อยน้อยลง ทำงานง่ายขึ้น โดยเฉพาะแพลตฟอร์มแบบโซเชียลคอมเมิร์ซ ที่ใช้งานง่ายและเป็นที่นิยมของคนไทยอยู่แล้ว และที่สำคัญช่วยประหยัดต้นทุนธุรกิจได้อีกด้วย

เชื่อว่า How-To 8 ข้อนี้ จะเป็นตัวช่วยให้กับเหล่าร้านค้าวางแผนชวนขาช้อป มาเลือกซื้อสินค้าแบบจัดหนัก และใครที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซที่ใช่ LINE SHOPPING เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้การขายออนไลน์

ช่วยเบาแรงให้กับร้านค้ามากมาย เพราะมีทั้งเครื่องมืออย่าง Chatbot ที่คอยตอบข้อความและคำถามเบื้องต้นได้ทันใจ ผ่าน LINE Official Account ในช่วงเวลาแสนยุ่งของพ่อค้าแม่ค้า, มีหน้าเว็บใส่รายการสินค้าทั้งหมดได้แบบฟรีๆ ให้ลูกค้าเลือกและกดชำระเงินได้ทันทีที่ต้องการ, ช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ทั้งชำระเงินปลายทาง โอนเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร PromptPay บัตรเครดิต และ Rabbit LINE Pay หรือระบบหลังบ้านที่คอยช่วยร้านค้าจัดการสต็อกสินค้า ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดและจัดการสต็อกสินค้าอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ลูกค้าไม่ต้องรอเพราะสรุปออร์เดอร์ผ่านช่องทาง LINE ให้ลูกค้าเช็คยอดเช็คของกันความผิดพลาด แถมตอนนี้กำลังมีแคมเปญช่วยดันยอดดีๆ อย่าง “Hug SMEs รักนะเจ้าร้านเล็ก” จาก LINE SHOPPING มาช่วยคนขายของออนไลน์ ที่อยากทำร้านให้ปังด้วย 8 How-To’s ที่บอกมา ทั้งโปรโมทร้านให้ฟรี จัดทัพเซเลบริตี้ ศิลปิน และดารามาช่วยไลฟ์ขายสินค้า แถมยังมอบเครดิตการลงโฆษณาแบบฟรีๆ บน LINE Ad Platform  พร้อมเปิดคลินิกการทำโฆษณาออนไลน์ให้ปรึกษาด้วย ช่วยร้านค้าเซฟค่าทำการตลาดแบบสุดๆ เพียงเข้าร่วมเป็นครอบครัว LINE SHOPPING และสมัครเข้าแคมเปญฯ ง่ายๆ เท่านี้เอง