เลือกตั้งบัตร 2 ใบ 3 พรรคใหญ่ “ตีปีก” “เพื่อไทย”แลนด์สไลด์?

12 ก.ย. 2564 | 10:59 น.

ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ 3 พรรคใหญ่ “เพื่อไทย-พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์” ตีปีก “ทักษิณ ชินวัตร” มั่นใจพรรคของเขาจะ “แลนด์สไลด์”

ภายหลังการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อลงมติในวาระที่ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม มาตรา 83 และ มาตรา 91 ปรับแก้จำนวน ส.ส.เป็นแบบส.ส.เขต 400 ที่นั่ง และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 ที่นั่ง และให้ใช้ “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” พร้อมแก้วิธีคำนวณระบบบัญชีรายชื่อแบบใหม่ ผ่านที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา

 

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความมั่นใจว่า ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ และแก้ไขให้มีส.ส.เขต 400 ที่นั่ง และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งรอบหน้า พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.เข้าสภาฯ เกิน 200 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 500 ที่นั่ง ขึ้นไปแน่นอน และ “มีความชอบธรรม” ที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น ที่ตั้งคำถามว่าจะไปจับมือหรือรวมกับพรรคใดหรือไม่ ต้องให้พรรคอื่นมาขอร่วม เพราะพรรคเพื่อไทยมีความชอบธรรม

                 เลือกตั้งบัตร 2 ใบ 3 พรรคใหญ่ “ตีปีก” “เพื่อไทย”แลนด์สไลด์?

ผลการแก้รัฐธรรมนูญ “รื้อระบบเลือกตั้งใหม่” ดังกล่าว ชัดเจนว่าเป็นเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองใหญ่  3 พรรค มากกว่าพรรคขนาดกลาง และ พรรคขนาดเล็ก

 

ดูจากผลการลงคะแนนในที่ประชุมรัฐสา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็บ่งบอกแล้วว่า พรรคไหนได้ประโยชน์ และ พรรคไหนเสียประโยชน์

 

โดยพรรคที่ลงคะแนนเห็นชอบกับ “เลือกตั้งบัตร 2 ใบ” ประกอบด้วย

 

-พลังประชารัฐ

-ประชาธิปัตย์

-เพื่อไทย

-ชาติไทยพัฒนา

 

ส่วนพรรคที่ไม่เห็นชอบกับเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ประกอบด้วย 

 

-เสรีรวมไทย

-รวมพลังประชาชาติไทย

-ส.ส.สังกัดกลุ่มพรรคเล็ก

                            

ขณะที่พรรคการเมืองที่งดออกเสียง (คว่ำบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ) ประกอบด้วย

 

- ก้าวไกล

- ภูมิใจไทย

                  เลือกตั้งบัตร 2 ใบ 3 พรรคใหญ่ “ตีปีก” “เพื่อไทย”แลนด์สไลด์?

 

ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ 3 พรรคการเมือใหญ่ “ตีปีกพับ ๆ” แน่นอน ทั้ง พรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพราะจะได้ประโยชน์จากการเลือกตั้งระบบนี้

 

ส่วนพรรคขนาดกลางอย่าง พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย และ พรรคการเมืองขนาดเล็ก หรือ “พรรคปัดเศษ” เสียประโยชน์จากระบบนี้

 

ดีไม่ดี “พรรคเล็ก” จะสูญพันธุ์เอาในการเลือกตั้งครั้งใหม่

 

สาเหตุสำคัญที่พรรคการเมืองใหญ่จะได้ ส.ส.เขต เพิ่มมากขึ้น ก็เนื่องจากการกำหนดให้มี ส.ส.เขต 400 ที่นั่ง จากเดิมที่จะมี ส.ส.เขต 350 คน ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองใหญ่ก็มีโอกาสได้เพิ่มเช่นกัน เพราะมีฐานการเมืองและสมาชิกพรรคเหนียวแน่น

 

ส่วนพรรคขนาดกลาง และเล็ก อย่าง พรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 แม้จะได้ ส.ส.เขตน้อย แต่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวนมาก เพราะทุกคะแนน “ไม่ตกน้ำ” ถูกนำมาคำนวณคะแนนเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

และถึงได้เกิด “พรรคเล็ก” พรรคละ 1-2 เสียง กว่า 10 พรรค

 

แต่การคำนวณสัดส่วนผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคระบบใหม่นี้ ให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคได้รับการเลือกตั้ง มารวมกันทั้งประเทศ แล้วคำนวณเพื่อแบ่งจำนวนผู้ที่จะได้รับเลือกของแต่ละพรรค

 

โดยกำหนดคะแนนขั้นต่ำของการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่า 1% เช่น ถ้ามีประชาชนมาออกเสียงเลือกตั้ง 35 ล้านเสียง ต้องได้ 350,000 คะแนน คือ 1% ถึงจะนำคำนวณเพื่อจัดสรรที่นั่งส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ถ้าต่ำกว่านั้นก็หมดสิทธิ์

 

เพราะเหตุนี้นี่แหละที่ทำให้ “พรรคเล็กกลัวสูญพันธุ์”

               เลือกตั้งบัตร 2 ใบ 3 พรรคใหญ่ “ตีปีก” “เพื่อไทย”แลนด์สไลด์?                      

ส่วนพรรคใหญ่ หากย้อนไปดูการเลือกตั้งส.ส.ทั่วไปในปี 2544 ที่เป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 และใช้การเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ  “พรรคเพื่อไทย” ของ ทักษิณ ชินวัตร จะได้ประโยชน์มากที่สุด และประสบความสำเร็จกับการเลือกตั้งระบบบัตร 2 ใบมากที่สุด

 

โดยในการเลือกตั้งปี 2544 ที่ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ไทยรักไทย ของ ทักษิณ ชินวัตร ได้ ส.ส.ทั้งหมด 248 ที่นั่ง จาก ส.ส.เขต 200 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 48 คน และได้คะแนนรวม 11,634,495 เสียง   

 

การเลือกตั้งในปี 2550 ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ พรรคพลังประชาชน ของ ทักษิณ ชินวัตร ได้ส.ส.ทั้งหมด 233 ที่นั่ง ได้ส.ส.เขต 199 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ 34 ที่นั่ง ได้คะแนนรวม 12,338,903 เสียง

 

แต่พอมาการเลือกตั้งปี 2562 ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว พรรคเพื่อไทย ของ ทักษิณ ชินวัตร ได้ส.ส.ทั้งหมด 136 ที่นั่ง เป็น ส.ส.เขต 136 ที่นั่ง คะแนนรวม 7,881,006 คะแนน แต่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ได้แม้แต่ที่นั่งเดียว เพราะได้ส.ส.เขตเต็มโควตาแล้ว

 

การเปลี่ยนจากระบบ “เลือกตั้งบัตรใบเดียว” มาเป็น “เลือกตั้งบัตร 2 ใบ” จะเป็นประโยชน์สำหรับพรรคการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร อย่างมาก นอกจาก  ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะออกมาบอกว่าเพื่อไทยจะได้ส.ส. 200 ที่นั่ง จนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว

 

“Tony Wood same” หรือ  ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าของพรรคเพื่อไทย ก็เคยพูดผ่านคลับเฮ้าส์มาแล้วว่า พรรคเพื่อไทยเชี่ยวชาญที่สุดในการเลือกตั้งระบบบัตร 2 ใบ หากใช้บัตร 2 ใบ มั่นใจว่าจะ “แลนด์สไลด์”

 

นี่จึงเป็นที่มาที่ทำไม พรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ หันมาผนึกสามัคคีโหวตผ่านร่างแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วย “เลือกตั้งบัตร 2 ใบ”

 

ว่าแต่ว่า... ภายหลังการเลือกตั้ง “ใคร?” จะจับขั้วกับใครจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น

 

เพราะอย่าลืมว่า “ส.ว.250 เสียง” ที่ “คสช.-บิ๊กตู่” ตั้งมากับมือ ยังมีส่วนร่วมในการโหวตตั้ง “นายกฯ” ในสภาอยู่ จุดนี้จึงทำให้ “พลังประชารัฐ” (หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ป.ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ไม่แยกไปอยู่พรรคใหม่) มีภาษีดีกว่าในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

 

และด้วยเหตุนี้เอง ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถึงใช้คำว่า “มีความชอบธรรม” ที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะรู้ดีว่าแม้ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่หากไม่ได้เสียงเกินครึ่งของ 2 สภา คือ 375 เสียง จาก 750 เสียง ก็ใช่ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ง่าย ๆ