“พาณิชย์” ดันไทยเป็นศูนย์กลาง CLMVT เชื่อมอาเซียน – ฮ่องกง – จีน

02 ก.ย. 2564 | 08:07 น.

“พาณิชย์” ชูไทยเป็นศูนย์กลาง CLMVT เชื่อมอาเซียน – ฮ่องกง – จีน ภายใต้ Belt and Road Initiative หวังดึงดูดการลงทุนช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด - 19

นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า การประชุม Belt and Road Summit ครั้งที่ 6 ภายใต้หัวข้อ การขับเคลื่อนการพัฒนาด้วย การส่งเสริมการค้าระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ” ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาว่าในการประชุมครั้งนี้ไทยใช้นโยบายในการเชื่อมโยงไทยผ่านเขตพัฒนา พิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) กับเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Great Bay Area: GBA) และข้อริเริ่ม สายแถบและเส้นทาง(Belt and Road Initiative: BRI) ของจีน เนื่องจากไทย เป็นจุดยุทธศาสตร์ของอนุภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย) และอาเซียน  

“พาณิชย์” ดันไทยเป็นศูนย์กลาง CLMVT  เชื่อมอาเซียน – ฮ่องกง – จีน

ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านดิจิทัลเทคโนโลยีตามเส้นทาง BRI จะนำไปสู่การสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันและดึงดูดนักลงทุนที่มีศักยภาพโดยเฉพาะ ในอุตสาหกรรมเป้าหมายของ EEC ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมดิจิทัล ยานยนต์สมัยใหม่ และการบินและโลจิสติกส์

“พาณิชย์” ดันไทยเป็นศูนย์กลาง CLMVT  เชื่อมอาเซียน – ฮ่องกง – จีน

ซึ่งจะช่วยให้ไทยได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเส้นทางรถไฟและโครงข่ายคมนาคม ภายใต้ BRI อย่างรถไฟความเร็วสูงไทย - ลาว - จีน เสร็จสมบูรณ์ จะช่วยอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนในการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ เงินทุน และประชาชน ในภูมิภาคซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคฟื้นตัวจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนั้น แนวนโยบายที่สนับสนุนการเปิดเสรีการค้าและการลงทุนกับต่างประเทศของจีน จะทำให้นักลงทุนไทยมีโอกาส เข้าไปลงทุนในจีนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่มากขึ้นซึ่งจะสร้างโอกาสให้กับ ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ในการส่งออกสินค้า บริการและการลงทุนในตลาดการค้าขนาดใหญ่

ทั้งนี้การประชุม Belt and Road Summit เป็นเวทีประจำปีซึ่งจัดโดยรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สำหรับผู้บริหารภาครัฐ นักธุรกิจและนักลงทุนจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและต่างประเทศในการแลกเปลี่ยน ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้ข้อริเริ่ม BRI ของสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมการอภิปรายประกอบด้วยเลขาธิการอาเซียน รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญด้านเศรษฐกิจและการค้าของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไน ดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย และรัฐมนตรีกระทรวงการค้าต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์