กลุ่มจังหวัด ‘สนุก’ อัดแคมเปญ ต่อลมหายใจท่องเที่ยว

27 ส.ค. 2564 | 03:37 น.

ททท.กลุ่มสนุก งัดแผน 3 ขั้น ประคองธุรกิจท่องเที่ยวฝ่าโควิด-19 อัดแคมเปญเที่ยวกันเองหารายได้ต่อลมโรงแรม เตรียมเยียวยาผู้ประกอบการที่ปรับตัวสู่มาตรฐาน SHA ชงศบค.จังหวัดเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบตามกำหนดเข้าพื้นที่หลังคลายล็อก เพื่อฟื้นเศรษฐกิจพื้นที่

นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนครพนม เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า 3 จังหวัดกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน 2 คือ สกลนคร นครพนม มุกดาหารหรือกลุ่มจังหวัด “สนุก” แม้จะไม่ได้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือเข้มงวด โดยถูกจัดอยู่ในกลุ่มสีส้ม

นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนครพนม

แต่ได้รับผลกระทบจากการระบาดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ จากข้อจำกัดเรื่องการเดินทางข้ามเขตพื้นที่เพื่อควบคุมการระบาด ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวชะลอจนแทบหยุด หลายแห่งปิดให้บริการไปก่อน ที่เหลือบางส่วนประคองตัวรอสถานการณ์คลี่คลาย
    

ททท.สำนักงานนครพนม จึงได้หารือหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อวางแผนช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการทั้งระยะสั้น กลาง ยาว ให้ผ่านวิกฤติินี้ไปโดยไม่ทิ้งกัน

กลุ่มจังหวัด ‘สนุก’ อัดแคมเปญ ต่อลมหายใจท่องเที่ยว

กลุ่มจังหวัด ‘สนุก’ อัดแคมเปญ ต่อลมหายใจท่องเที่ยว

กิจกรรมที่จัดไปแล้ว 2 ครั้ง คือ ส่งเสริม PRO SHA เที่ยวเมืองรอง“สนุก” ปลอดภัยไปกับ SHA กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในพื้นที่กลุ่มจังหวัดด้วยกันเอง โดยจัดแคมเปญพิเศษจองพักโรงแรมต่างๆ ในราคาเพียง 300 บาท/ห้อง/คืน รวมถึงจองล่วงหน้าเพื่อเข้าพักในภายหลัง

เพื่อเป็นการเยียวยาโรงแรมที่ผ่านมาตรฐาน SHA ในพื้นที่ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของกิจการโรงแรมในพื้นที่ 
    

ระยะถัดไป มีแผนจัดกิจกรรมเพื่อเยียวยาธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ทุกแขนง โดยกระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้เข้าระบบมาตรฐาน SHA ได้เข้าสู่ระบบขอรับการประเมินเพื่อยกมาตรฐานท่องเที่ยวของพื้นที่ สร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

โบสถ์คริสต์ท่าแร่ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของสกลนคร

กลุ่มจังหวัด ‘สนุก’ อัดแคมเปญ ต่อลมหายใจท่องเที่ยว
 ส่วนในระยะยาวนั้น ททท.นครพนม และกลุ่มจังหวัดสนุก เตรียมเสนอศบค.จังหวัดทั้ง 3 จังหวัด ผ่อนคลายข้อกำหนด โดยเปิดรับผู้ที่ฉีดวัคซีนต้านเชื้อโควิด-19 ครบตามกำหนด เมื่อแสดงหลักฐานแล้วสามารถเดินทางเข้าพื้นที่กลุ่มจังหวัดสนุกได้ ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายให้เศรษฐกิจท่องเที่ยวในพื้นที่และภาคส่วนอื่นๆ ฟื้นตัวได้ต่อไปด้วย 
    

ผอ.ททท.สำนักงานนครพนมกล่าวด้วยว่า กลุ่มจังหวัดสนุกนั้นมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูง โดยเฉพาะความเป็นดินแดนอู่อารยธรรมโบราณ 2 ฝั่งลุ่มนํ้าโขง ที่มีตำนานและความศรัทธาเชื่อถือเรื่องพญานาค และประเพณีวัฒนธรรมถิ่นที่ยึดถือฮีตสิบสองคองสิบสี่ และวิถีชีวิตชุมชนและชนเผ่าที่หลากหลาย

ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นดินแดนแห่งการท่องเที่ยว 3 ธรรมคือ ธรรมะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรมจากรากฐานของ 2 ศาสนา คือ พุทธและคริสต์ ของผู้คนหลากหลายถึง 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ เป็นพื้นที่หนึ่งของการท่องเที่ยว 7 จังหวัดริมนํ้าโขง ที่หอการค้าภาคอีสานให้การสนับสนุน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงเป็นประตูสู่กลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มนํ้าโขงที่ต่อเนื่องถึงจีนตอนใต้
   ภาพมุมสูงวัดภูผาแด่น  

ททท.สำนักงานนครพนม ร่วมกับจังหวัดมุกดาหาร จัดงาน “Miracle MUKDAHAN” หรืองานมหัศจรรย์มุกดาหารพญานาค 3 พิภพ ปีนี้ระหว่างเดือน ก.ค.-ต.ค. 2564 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของพื้นที่ เป็นกิจกรรมหนึ่งในปฎิทินการท่องเที่ยวของททท.ด้วย โดยในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร มีการก่อสร้างรูปั้นพญานาคตามความเชื่อถือของท้องถิ่นไว้ถึง 3 องค์ คือ ที่บริเวนแก่งกระเบา ใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 และที่วัดภูมโนรมย์ ให้ไปเลือกชมได้
    

นอกจากนี้ ในอีก 2 จังหวัดก็มีเรื่องเล่าขานตำนานพญานาค และจัดทำรูปปั้นไว้เช่นกัน โดยที่จังหวัดนครพนม ทำการก่อสร้างลานศรีสัตตนาคราช ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดริมฝั่งแม่นํ้าโขง ในเขตเทศบาลบาลเมืองนครพนม เป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน หล่อด้วยทองเหลือง มีนํ้าหนักรวม 9,000 กก. เป็นรูปพญานาคขดหาง 7 เศียร ประดิษฐานบนแท่นฐานแปดเหลี่ยม กว้าง 6 เมตร ความสูงทั้งหมดรวมฐาน 15 เมตร สามารถพ่นนํ้าได้
    

ส่วนที่วัดถํ้าผาแด่น อ.เมืองสกลนคร เป็นวัดเก่าแก่อายุนับ 100 ปี ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมะ ก็ได้จัดสร้างรูปปั้นพญานาค “พระพุทธมหาราชานาคาบรีรักษ์” ซึ่งเป็นรูปปั้นพญานาคปรก 7 เศียร สูง 19 เมตร ยาว 139 เมตร มีลำตัวขดเป็นฐาน 3 รอบ รองนั่งพระพุทธเจ้า ส่วนกลางถึงปลายเลื้อยไปตามซอกผา โดดเด่นด้วยสีเหลืองทอง ตัดกับต้นไม้เขียวขจี และมีลวดลายอ่อนช้อยราวกับมีชีวิต
   กลุ่มจังหวัด ‘สนุก’ อัดแคมเปญ ต่อลมหายใจท่องเที่ยว  

“ด้วยความโดดเด่นและความหลากหลายมีเอกลักษณ์ ประกอบกับศักยภาพผู้ประกอบการในพื้นที่ เชื่อว่าความร่วมมือของทุกภาคส่วน จะสามารถช่วยเหลือเยียวยาธุรกิจท่องเที่ยวได้ระดับหนึ่ง เพื่อรอการระบาดคลี่คลาย แต่การดำเนินธุรกิจในอนาคตจำต้องเปลี่ยนแปลงสู่วิถีใหม่ ที่ต้องผ่านมาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวดจึงจะทำต่อไปได้ ซึ่งต้องปรับตัวโดยเร็ว” น.ส.กนกวรรณ กล่าว 

หน้า10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,709 วันที่ 29 สิงหาคม-1 กันยายน พ.ศ.2564