ปชป.อัดม็อบทะลุฟ้า มีคนให้ท้าย ก่อเหตุทำลายทรัพย์สิน

31 ก.ค. 2564 | 00:57 น.

"ชัยชนะ"โฆษก ปชป. อัดกลุ่มผู้ชุมนุม"ทะลุฟ้า" ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เกินขอบเขตตามที่ รธน. กำหนดไว้ ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯชี้มีคนให้ท้ายทำให้มีการก่อเหตุทำลายทรัพย์สินบ่อยครั้ง ยัน ปชป. ขอทำหน้าที่เพื่อประชาชน

 วันที่ 31  ก.ค. 2564 นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมทะลุฟ้า เพื่อเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยกลุ่มผู้ชุมนุมฯ ได้มีพฤติกรรมทำลายทรัพย์สิน นำสีมาป้ายตัวอาคาร และก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนทั่วไปว่า มีสมาชิกพรรคฯ และประชาชนทั่วไป ต่างโทรมาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นห่วง  ซึ่งในเบื้องต้น นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. บางซื่อ เอาไว้แล้ว โดยเน้นในเรื่องของการที่ผู้ชุมนุมฯ ใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต มีการทำลายทรัพย์สินของพรรค และการวางเพลิงที่สร้างความอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินอื่นๆ 

 

ทั้งนี้ ทางพรรคฯ และนายราเมศ เอง ยืนยันว่า จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์และไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นๆ ที่คิดจะล้ำเส้นโดยใช้สิทธิเกินเลยตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้  

     

พฤติกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ตนเห็นว่า สวนทางกับสิ่งที่ผู้ชุมนุมฯ พยายามบอกคนทั่วไปว่า เป็นผู้รักประชาธิปไตยและไม่ต้องการการเมืองแบบเดิมๆ แต่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ ตั้งแต่ที่เริ่มจัดกิจกรรมตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 จนถึงตอนนี้ กลับเป็นการสร้างความไม่สบายใจและเอือมระอาต่อผู้คนในสังคม เพราะนอกจากจุดยืนที่ไม่สามารถเป็นไปได้แล้ว ยังมีข่าวเป็นระยะๆ ในเรื่องของความขัดแย้งของมวลชนด้วยกันเอง  และการไม่ยอมฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งถ้าคนรุ่นใหม่รักประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว  จะต้องเคารพในสิทธิเสรีภาพของตนเองและความแตกต่างของผู้อื่น และหาทางประสานประโยชน์ระหว่างกัน ไม่ใช่ไปไล่กดดันให้คนอื่นๆ คิดเหมือนตนเอง ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับคนเอาแต่ใจ ที่เป็นแนวทางไปสู่ความคิดที่เป็นเผด็จการในเวลาต่อมาได้  

  ปชป.อัดม็อบทะลุฟ้า มีคนให้ท้าย ก่อเหตุทำลายทรัพย์สิน

 “ ผมเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดกับพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทยนั้น ผมคาดว่า จะต้องมีคนคอยให้ท้ายแน่นอน  ซึ่งที่ผ่านมาก็ปรากฏว่า พอมีการดำเนินคดีก็จะมีบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในวงการเมือง ไปประกันตัวออกมา รวมทั้ง ใช้จุดอ่อนเรื่องสถานภาพการเป็นนักศึกษาหรือเยาวชน มาเป็นเกราะกำบัง ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ใจ ทำให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมายและเกิดเหตุทำลายทรัพย์สินบ่อยครั้งขึ้น ดังนั้น ผมคิดว่า อยากให้ผู้ชุมนุมหรือน้องๆเยาวชน ที่รักประชาธิปไตยอย่างแท้จริงนั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข่าวสารและพฤติกรรมของนักการเมือง 

 

โดยเฉพาะนักการเมืองที่สนับสนุนอยู่นั้น ได้ปฏิบัติตนตามหลักประชาธิปไตยหรือช่วยเหลือดูแลประชาชนหรือไม่ เพราะผมเชื่อว่า น้องๆเยาวชนหรือแม้แต่คนในสังคม ต่างก็อยากให้ปัญหาการเมืองไปแก้ไขกันในพื้นที่ที่ถูกที่ควร 

 

 ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาประชาธิปไตยและกฎหมายบ้านเมือง ในเมื่อน้องๆ ผู้ชุมนุม กระทำการอันเกินขอบเขตการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง มีการละเมิดทรัพย์สินและสวัสดิภาพของประชาชน รวมทั้ง ได้ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด – 19 แล้ว ทางพรรคฯ ก็ได้ดำเนินการแจ้งความและดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และยืนยันว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ทางพรรคฯ ไม่ได้คิดเรื่องการเมือง
เพราะยังมีปัญหาของประชาชนมากมายรอให้ทางพรรคฯ แก้ไขอยู่”นายชัยชนะกล่าว 

ปชป.อัดม็อบทะลุฟ้า มีคนให้ท้าย ก่อเหตุทำลายทรัพย์สิน

ทั้งนี้ เมื่อวาน (30 ก.ค. 2564) ผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุฟ้า นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ได้เคลื่อนขบวนเดินเท้าผู้ชุมนุมราว 50 คน เดินทางมาที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ถนนเศรษฐศิริ เขตพญาไท เรียกร้องให้ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ทางพรรคก็ไม่มีการส่งบุคคลใดออกมารับหนังสือ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ ปราศรัยโจมตีการทำงานของผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ และผู้ชุมนุมบุกเข้ามาแปะสติกเกอร์รูปการ์ตูนพล.อ.ประยุทธ์ ที่ป้ายไวนิลรูปของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ทั้งที่ใบหน้า และศีรษะพร้อมใช้มือจุ่มสีแดงเขียนคำหยาบคายที่กระจกด้านหน้าพรรคและแปะกระดาษข้อความโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนได้สาดสีแดงลงบนพื้นบริเวณทางเข้าพรรคและนอนบนพื้นเหมือนคนตายจากความล้มเหลวของการแก้ไขปัญหาโควิด-19

 

จากนั้นกลุ่มทะลุฟ้าทำการเผาหุ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมแถลงการณ์ถึงพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล