‘เราเที่ยวด้วยกัน’ เฟส 3 ชงขยายกรอบใช้เงินหมื่นล้านถึงสิ้นปีนี้

30 ก.ค. 2564 | 02:41 น.

“พิพัฒน์” แจงโควิดพุ่ง กระทบ“เราเที่ยวด้วยกันเฟส3”-“ทัวร์เที่ยวไทย” ชะงักนานกว่าที่คาด ชงขยายเวลากรอบการใช้เงิน1.07 หมื่นล้านบาทไปถึงสิ้นปีนี้ ทั้งให้ททท.พิจารณาความเป็นไปได้ หากจะทยอยเปิดให้เที่ยวได้เฉพาะในพื้นที่สีเขียว สีเหลืองและสีส้มช่วงส.ค.หรือก.ย.นี้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลต้องยกระดับมาตรการควบคุมที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะการงดเดินทางข้ามจังหวัด ทั้งการให้สายการบินหยุดบินเส้นทางบินในประเทศเข้า-ออกในพื้นที่สีแดงเข้ม รวมถึงการลดบริการขนส่งสาธารณะข้ามจังหวัด

 

ส่งผลให้แผนกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศ ภายใต้ 2 โครงการ คือ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส3” และโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ยังไม่สามารถดำเนินการได้ และต้องเลื่อนการเปิดโครงการออกไปก่อน

พิพัฒน์ รัชกิจประการ

ทำให้ในขณะนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ได้ทำเรื่องไปยังสภาพัฒน์ฯเพื่อขอขยายระยะเวลาการใช้เงินในโครงการนี้ ซึ่งเป็นการใช้งบฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคม ภายใต้พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท  จากสิ้นสุดการใช้เงินภายในวันที่ 30 ก.ย.64 ขอขยายเวลาการใช้เงินออกไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมนี้ หรือขยายระยะเวลาใช้เงินออกไปอีก 3 เดือน

 

“เดิมโครงการเราเที่ยวกันเฟส 3 ตั้งเป้าว่าจะดำเนินการตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ และหลายจังหวัดมีมาตรการควบคุมคนจากนอกพื้นที่เข้าไปต้องกักตัว และการแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่  ก็ทำให้ทั้ง 2 โครงการนี้ยังไม่สามารถระบุวันที่ชัดเจนได้ว่าจะเปิดให้จองเดินทางท่องเที่ยวได้เมื่อไหร่”

แต่อย่างไรก็ตามโครงการนี้ก็นับว่าเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศที่เราต้องเตรียมการไว้ เพราะเมื่อสถานการณ์การณ์โควิดคลี่คลาย ก็จะเป็นเวลาเหมาะสมที่จะเริ่มเปิดให้จองได้

 

ประกอบการกับในขณะนี้ผมก็ให้ททท.ไปหารือหรือไปพิจารณาดูว่าหลังจากนี้ไปอีก1-2 เดือนหรือในราวเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปิดให้เปิดให้โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส3 หรือทัวร์เที่ยวไทย ให้เดินทางท่องเที่ยวได้เฉพาะกลุ่มจังหวัดที่มีการปลดล็อกให้เดินทางเที่ยวได้ หรือการเดินทางเที่ยวกันเองในพื้นที่สีเขียว สีเหลือง สีส้ม แต่ห้ามเที่ยวในพื้นที่สีแดง

 

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์โควิด-19ระลอกใหม่ ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อการเดินทางเที่ยวในประเทศมากพอสมควร ซึ่งเดิมการทรวงการท่องเที่ยวฯและททท.ตั้งเป้ารายได้จากไทยเที่ยวไทยหรือการเดินทางเที่ยวในประเทศในปีนี้อยู่ที่ราว 100-120 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาท

 

แต่เมื่อดูจากสถานการณ์แล้วคงไม่ถึงเป้าหมาย จะต้องมีการปรับลดเป้าหมายเที่ยวในประเทศลง แต่ยังคงรอก่อน เพราะปัจจุบันการแพร่ระบาดยังไม่นิ่ง นายพิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

 

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาโครงการเราเที่ยวกันเฟส1และเฟส2 ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยหลังจากเปิดโครงการมา 2 เฟส ห้องพักที่เปิดให้จองสิทธิ์รวม 6 ล้านรูมไนท์ได้รับการจองจนเต็มตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์2564 

 

โดยรวมแล้วมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 2 หมื่นล้านบาท ทั้งจากค่าใช้จ่ายของประชาชน60%และรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่พักให้40%และอีวอลเชอร์ จนมีการเพิ่มสิทธิ์การจองห้องพักขึ้นอีก 2 ล้านรูมไนท์ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส3 ที่ยังเหลือวงเงินราว5,700ล้านบาท

 

จากเดิมสิ้นสุดระยะเวลาการใช้สิทธิ์ในวันที่ 30 เม.ย. 64 และเบิกจ่ายงบประมาณถึงวันที่ 30 มิ.ย.64 เป็นสิ้นสุดระยะเวลาการใช้สิทธิ์ในวันที่ 31 ก.ค.64 และเบิกจ่ายงบประมาณถึงวันที่ 30 ก.ย. 64 โดยใช้จ่ายจากวงเงินเดิมของโครงการ ฯ (15,000 ล้านบาท)  แต่เมื่อเกิดโควิดระลอกใหม่ ก็ทำให้ครม.สั่งเลื่อนโครงการนี้ออกไปออก จึงจำเป็นต้องขอสภาพัฒน์ฯเพื่อขยายกรอบการใช้งบประมาณต่อออกไปอีก

เช่นเดียวกับโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่ครม.อนุมัติโครงการมาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม64 โดยรัฐสนับสนุนค่าเดินทางของประชาชนในลักษณะร่วมจ่าย (Co-pay) 40% ของค่าใช้จ่ายแพ็กเกจนำเที่ยวแต่ไม่เกิน 5,000 บาท เพื่อส่งเสริมการเดินทางข้ามจังหวัดผ่านบริษัทนำเที่ยวในวันธรรมดา(วันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี) ไม่ต่ำกว่า 3 วัน 2 คืน และไม่มีการกำหนดราคาขั้นต่ำ รวม 1 ล้านสิทธิ์

 

ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 เดือน (พฤษภาคมถึงกรกฎาคม 2564) กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท  ก็ต้องเลื่อนออกไปก่อนเช่นกัน รวมแล้วยังเหลือวงเงินใน 2 โครงการนี้ที่ต้องขอขยายกรอบเวลาใช้เงินรวมกว่า 10,700 ล้านบาท

‘เราเที่ยวด้วยกัน’ เฟส 3 ชงขยายกรอบใช้เงินหมื่นล้านถึงสิ้นปีนี้

หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 41 ฉบับที่ 3,700 วันที่ 29 - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564