ไม่ปิด "ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด" สถานีกลางบางซื่อ "นายกฯ"สั่งลดความแออัด 

27 ก.ค. 2564 | 13:09 น.

นายกรัฐมนตรี ส่งกำลังใจและขอบคุณบุคลาการการแพทย์ ยันไม่ปิด " ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด" สถานีกลางบางซื่อ" ยังคงดำเนินการต่อเนื่องบริการ สั่งลดความแออัด เพิ่มมาตรการเว้นระยะห่าง  ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง

วันนี้ เวลา 15.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการทำงาน "ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด สถานีกลางบางซื่อ" และโรงพยาบาลบุษราคัม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (VDO Conference)  

โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง โดยให้เสริมการจัดระเบียบการให้บริการ เพิ่มมาตรการเว้นระยะห่าง ลดความแออัด ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การลดจำนวนผู้เสียชีวิตและควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด

และตั้งแต่วันที่ 1 - 31 สิงหาคม เป็นต้นไป จะเปิดลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับกลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้สูงอายุ 60+ และ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง ผ่านแอปพลิเคชันวัคซีนบางซื่อ 

ไม่ปิด "ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด" สถานีกลางบางซื่อ "นายกฯ"สั่งลดความแออัด 

 

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการเร่งควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งทุกการประชุม คือการที่นายกรัฐมนตรีรับฟังปัญหา อุปสรรคร่วมกับผู้ทำงานเพื่อหาแนวปฏิบัติใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกหน่วยงาน  ขณะนี้ ทราบว่ามีความพยายามแก้ปัญหาความแออัด ความหนาแน่น โดยมาตรการต่าง ๆ

อาทิ จัดเก้าอี้เพื่อกำหนดให้มีระยะห่าง  จัดให้มีการเหลื่อมเวลาในการเข้ารับบริการ  โดยผู้สูงอายุจะเข้ารับบริการช่วงเช้า และในช่วงบ่ายเป็นการให้บริการกลุ่มอื่น ๆ  ลดขั้นตอนรับบริการ 

เช่น ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปีและมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ต้องวัดความดันหรือผู้ที่ลงทะเบียน จองคิวผ่านระบบสามารถตรงเข้าไปฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้เลย นายกรัฐมนตรียังชื่นชมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ สามารถให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กับประชาชนไปแล้ว 1 ล้านโดส และมีศักยภาพสามารถให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ถึงวันละ 25,000 - 30,000 โดส/วัน  

และตั้งแต่เดือนหน้าจะมีการขยายกลุ่มเป้าหมายให้บริการ คือ กลุ่มผู้มีอายุ 18 ขึ้นไป กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม สตรีมีครรภ์อายุเกิน 12 สัปดาห์ ผ่านการลงทะเบียน  นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า รัฐบาลเน้นนโยบายการบริหารวัคซีนโดยให้ความสำคัญกับการควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดและลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้มากที่สุด ซึ่งในเดือนหน้าจะมีการกระจายวัคซีนโควิด-19 ลงไปในพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้นด้วย

ไม่ปิด "ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด" สถานีกลางบางซื่อ "นายกฯ"สั่งลดความแออัด 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ประชุมร่วมกับ นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม โดยกล่าวถึงความตั้งใจว่า

อยากจะลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจการทำงานของทุกหน่วย แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข จึงให้เป็นการประชุมผ่านระบบทางไกล ซึ่งทราบว่าทุกฝ่ายได้ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อผู้ดูแลผู้ป่วยให้เข้าถึงการรักษา 

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม รายงานการดำเนินการว่า โรงพยาบาลบุษราคัมเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ขณะนี้ผู้ป่วยสะสม 12,268 ราย สถานการณ์โรงพยาบาลบุษราคัมประมาณช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้ป่วยสะสมถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 64 จำนวน 9,435 ราย จนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 64 ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 12,268 ราย

ไม่ปิด "ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด" สถานีกลางบางซื่อ "นายกฯ"สั่งลดความแออัด 

ขณะนี้มียอดผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล 3,592 ราย กลับบ้านไปแล้ว 8,000 กว่าราย วันนี้ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนจำนวน 770 ราย จากสถานการณ์การระบาดต่อเนื่องและรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  

สัดส่วนของผู้ป่วยที่มีอาการหนักในโรงพยาบาลบุษราคัมมีจำนวนมากขึ้น  โรงพยาบาลบุษราคัมได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุม EOC กระทรวงสาธารณสุขให้พัฒนาพื้นที่รองรับผู้ป่วยวิกฤติสีแดงเข้มจำนวน 17 เตียงเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว 

นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบกำลังใจและขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาล บุคลากรทุกหน่วยงานที่ได้ให้ความร่วมมือ ร่วมใจทำงานเพื่อประชาชน ทราบว่าในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ การแพร่ระบาดมีความรุนแรง จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อมากขึ้น เป็นผลให้โรงพยาบาลมีปริมาณงานที่สูงขึ้น

รวมทั้งมีความซับซ้อนของผู้ป่วยมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องการให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาให้มากที่สุดจึงได้ให้แนวทางพิจารณาว่า หากโรงพยาบาลใดมีพื้นที่ว่างก็อาจให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในบริเวณโรงพยาบาลด้วย

ทั้งนี้ ขอยืนยันรัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพียงพอ โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ และให้ความมั่นใจรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานทุกหน่วยงาน ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือ ร่วมใจทำงานเพื่อประชาชน รัฐบาลจะดูแลบุคลากรทุกหน่วยงานอย่างเต็มที่เช่นกัน