มาตามนัด ฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 ให้ตำรวจ ศรีสุวรรณ ร้องป.ป.ช.สอบทั้งจังหวัด

27 ก.ค. 2564 | 02:30 น.

ศรีสุวรรณ มาตามนัด ร้อง ป.ป.ช. สอบปมฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 AstraZeneca ให้ข้าราชการตำรวจที่จังหวัดบุรีรัมย์ เผย ฟังไม่ขึ้นอ้างใช้วัคซีนเหลือก้นขวด ส่อเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ จี้ "อนุทิน" ตอบข้อกังขาของสังคม ไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติหรือไม่

27 กรกฎาคม 2564 จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ โพสต์ข้อความระบุว่า มีข้าราชการตำรวจ 11 นายได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า กับทางสาธารณสุขอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ โดยมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลดำเนินการให้ กระทั่งมีประชาชนจำนวนมากในโชเชียลตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจถึงได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ทั้ง ๆ ที่คนไทยกว่า 50 ล้านคนยังไม่ได้ฉีกสักเข็มเดียว

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวแม้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์จะแก้เกี้ยวโดยการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว แต่ทว่าจากการให้สัมภาษณ์ของผู้บังคับการตำรวจบุรีรัมย์กลับชี้แจงว่า

เป็นการใช้วัคซีนเหลือก้นขวด และใช้ฉีดให้กับตำรวจด่านหน้าที่ไปรับผู้ป่วยกรุงเทพฯกลับบ้านตามโครงการทำดีด้วยหัวใจสู้ภัยโควิดด้วยศรัทธาเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมยังแคลงใจและฟังไม่ขึ้น

การกระทำดังกล่าว เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมของการจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริงที่ก่อนหน้านี้รายงานของทีดีอาร์ไอที่ระบุว่า

“การกระจายวัคซีนบิดเบี้ยวไม่เป็นไปตามลำดับความสำคัญตามยุทธศาสตร์ ดังปรากฏว่า บางจังหวัด เช่น บุรีรัมย์มีการฉีดวัคซีนมากเป็นลำดับที่ 11 ของประเทศ ณ วันที่ 7 ก.ค. โดยมีการฉีดวัคซีนทั้งหมดประมาณ 3 แสนเข็มหรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของประชากร

แม้ไม่ได้เป็นพื้นที่ที่มีการระบาดสูง ไม่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลักและไม่อยู่ในกลุ่มจังหวัดที่มีความเร่งด่วนในการได้รับวัคซีนตามแผนการกระจายวัคซีนที่กรมควบคุมโรคได้ประกาศ”

ซึ่งกรณีดังกล่าว รมว.สาธารณสุข และหน.พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีฐานที่มั่นทางการเมืองอยู่จ.บุรีรัมย์ต้องมีคำตอบให้กับสังคมในเรื่องนี้
 

ปัญหาดังกล่าว หากปล่อยให้การจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นไปโดยอำเภอใจของฝ่ายการเมืองและข้าราชการเส้นใหญ่บางจำพวกหรือพวกมือที่มองไม่เห็น การกระจายวัคซีนที่ควรจะเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมให้กับคนทั้งประเทศก็คงจะบิดเบี้ยวต่อไป

การป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ก็คงจะยากและมีผลสัมฤทธิ์น้อยเต็มที หากสังคมไม่ร่วมกันกระชากหน้ากากของผู้ที่สั่งการ และหรือผู้ที่ชอบเชลียร์เอาใจนายจนมองข้ามความจำเป็นเร่งด่วนที่คนไทยกว่า 50 ล้านคนยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เลยแม้สักเข็มเดียวได้     

การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ม.27 ประกอบ ม.47 โดยตรง อีกทั้งอาจเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฯ ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.โดยชัดแจ้ง

วันนี้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงส่งเรื่องไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่สั่งการให้มีการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับตำรวจในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างของความไม่เป็นธรรมตามครรลองของกฎหมายต่อไป นายศรีสุวรรณ ระบุ