กลุ่มป่าแก่งกระจานขึ้นทะเบียนมรดกโลก 2.5 ล้านไร่ 4,089 ตร.กม. ที่ไหนบ้าง

27 ก.ค. 2564 | 15:16 น.

ไขข้อข้องใจกลุ่มป่าแก่งกระจาน ที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เนื้อที่ประมาณ 2.5 ล้านไร่ หรือ 4,089 ตารางกิโลเมตร มีความยาวตั้งแต่เหนือสุดถึงใต้กว่า 200 กิโลเมตร อยู่ในพื้นกี่จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 4 แห่งที่ไหนบ้าง

กรณีคณะกรรมการมรดกโลกมีมติขึ้นทะเบียน "กลุ่มป่าแก่งกระจาน" เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ภายใต้เกณฑ์ข้อที่ 10 ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ นับเป็นแหล่ง "มรดกโลก" แห่งที่ 6 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ แห่งที่ 3 ของไทย นับตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแข้ง ในปี 2534 และ กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ ในปี  2548

พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เนื้อที่ประมาณ 2.5 ล้านไร่ หรือ 4,089 ตารางกิโลเมตร มีความยาวตั้งแต่เหนือสุดถึงใต้สุดของพื้นที่ มากกว่า 200 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์

ครอบคลุมพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 4 แห่ง

  • เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี
  • อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจันฃ
  •  อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
  • อุทยานแห่งชาติกุยบุรี 

พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำปราณบุรี และแม่น้ำภาชี เป็นป่าผืนใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วย เขตสัตวภูมิศาสตร์ ได้แก่ Sundaic, Sino-Himalayan, Indochinese และ Indo-Burmese

กลุ่มป่าแก่งกระจานขึ้นทะเบียนมรดกโลก 2.5 ล้านไร่ 4,089 ตร.กม. ที่ไหนบ้าง

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า นับเป็นความสำเร็จในการดำเนินการอนุรักษ์พื้นที่ถิ่นที่อยู่อาศัย ที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในถิ่นกำเนิด รวมไปถึงการเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ ที่มีคุณค่าโดดเด่นเชิงวิทยาศาสตร์ หรือ เชิงอนุรักษ์ระดับโลก

วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เหตุที่พื้นที่ “กลุ่มป่าแก่งกระจาน” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เนื่องจากเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์พืช และ พันธุ์สัตว์ ที่ใกล้สูญพันธุ์ และมีคุณค่าโดดเด่นระดับโลก

รวมไปถึงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำปราณบุรี และ แม่น้ำภาชี เป็นป่าผืนใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 2.5 ล้านไร่ (4,089 ตารางกิโลเมตร) มีความยาวตั้งแต่ เหนือสุดถึงใต้สุดของพื้นที่ มากกว่า 200 กิโลเมตร

ประเทศไทยในฐานะเจ้าของแหล่ง จะต้องปกป้องรักษาแหล่งที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกให้คงคุณค่าโดดเด่น อันเป็นสากลไว้ให้ลูกหลานต่อไป ซึ่งการที่พื้นที่ “กลุ่มป่าแก่งกระจาน” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนี้

 นอกจากเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ และเป็นความภาคภูมิใจของคนในประเทศแล้ว ยังทำให้คนในประเทศเกิดการตระหนัก รู้สึกเป็นเจ้าของ และหวงแหนทรัพยากรที่เรามีอยู่ โดยประโยชน์หลัก ๆ  เช่น

1. ส่งเสริมการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ชนิดพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ ที่มีคุณค่าโดดเด่น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และศึกษาวิจัยในระดับสากล

2. ยกระดับการอนุรักษ์พื้นที่ด้วยการบริหารจัดการที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ให้คงคุณค่าของแหล่ง เพื่อส่งต่อไปยังอนุชนรุ่นต่อไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น

 3. ส่งเสริมการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การพัฒนาอย่างยั่งยืน และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจชุมชน

4. สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากกองทุนมรดกโลกได้

ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมที่จะดำเนินการร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสมดุลในการใช้ประโยชน์จากป่าอย่างยั่งยืน ยกระดับการบริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น

 รวมทั้งให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ "กลุ่มป่าแก่งกระจาน" มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยสอดคล้องกับกฎหมาย นโยบาย มติ และระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ไทยจะรักษาแหล่งมรดกโลกพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ให้คงไว้ และสามารถส่งต่อไปยังอนุชนรุ่นหลังสืบไป