ส่องยอดขายรถยนต์ 10 เดือนปี 65 ค่ายไหนยอดปัง เช็คเลยที่นี่

ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยตั้งแต่มกราคม - ตุลาคม 2565 มียอดขายรวมทั้งสิ้น 698,305 คัน เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 17.1% โดยแบ่งเป็นยอดขายจากรถยนต์นั่ง 220,108 คัน เพิ่มขึ้น 12.2%  และรถเพื่อการพาณิชย์ 478,197 คัน เพิ่มขึ้น 19.5% เมื่อมาดูยอดขายของแต่ละแบรนด์แต่ละยี่ห้อ ก็พบว่ามีทั้งเติบโต มีทั้งยอดร่วง โดยแต่ละค่ายจะมียอดขายอย่างไร วันนี้"ฐานเศรษฐกิจ"รวบรวมข้อมูลมานำเสนอดังนี้   

10 อันดับยอดขายรถยนต์  (มกราคม -ตุลาคม 2565)

• โตโยต้า 234,058 คัน  เพิ่มขึ้น  23.6 % ส่วนแบ่งตลาด 33.5%
• อีซูซุ     177,714 คัน   เพิ่มขึ้น  20.9% ส่วนแบ่งตลาด 25.4%
• ฮอนด้า   67,190 คัน   ลดลง  1.9% ส่วนแบ่งตลาด 9.6%
• มิตซูบิชิ    42,712 คัน เพิ่มขึ้น 15.4 % ส่วนแบ่งตลาด 6.1 %
• ฟอร์ด 33,272 คัน เพิ่มขึ้น 31.0 % ส่วนแบ่งตลาด 4.8 %
• มาสด้า 28,900 คัน เพิ่มขึ้น 2.0 % ส่วนแบ่งตลาด 4.1 %
• เอ็มจี 22,606 คัน ลดลง 6.7 % ส่วนแบ่งตลาด 3.2 %
• นิสสัน 18,753 คัน ลดลง 20.3 % ส่วนแบ่งตลาด 2.7 %
• ซูซูกิ 17,180 คัน เพิ่มขึ้น 2.5 % ส่วนแบ่งตลาด 2.5 %
• เกรท วอลล์ มอเตอร์ 9,105 คัน เพิ่มขึ้น 445.5 % ส่วนแบ่งตลาด 1.3 %

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เผยว่า แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2565 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วง ไฮ-ซีซั่น และเข้าสู่เทศกาลงานขายประจำปี MOTOR EXPO 2022 โดยแต่ละค่ายเตรียมตัวเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ -แคมเปญเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนนี้  ทั้งนี้เพื่อหวังปิดตัวเลขการขายสิ้นปี  โดยมีปัจจัยเสริมคือภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก ช่วยกระตุ้นตลาดรถเช่า และรถตู้ให้ดีดตัวกลับมา หลังจากที่ซบเซามาตลอดระยะเวลา 3 ปี ของการแพร่ระบาด โควิด-19

"ตลาดรถยนต์เดือนตุลาคมมีปริมาณการขาย 64,618 คัน เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาด้วยตัวเลข 19,468 คัน เป็นผลมาจากการชลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในช่วงปลายฤดูฝน ซึ่งลูกค้ายังมีความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเกิดขึ้นทั่วไป 
 

ขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ อัตราการเจริญเติบโต 1.4% และตัวเลขการขาย 45,150 คัน สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่กำลังพลิกฟื้นดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีการขาดแคลนชิพในการผลิตยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ และส่งผลกระทบต่อการส่งมอบรถยนต์ใหม่ถึงมือลูกค้าได้ทันต่อความต้องการ"