BBL สินเชื่อโตหนุนรายได้ดอกเบี้ยพุ่ง โชว์กำไรงวดแรกปี65 กว่า 1.4 หมื่นล้าน

22 ก.ค. 2565 | 12:18 น.

ธ.กรุงเทพ เผยกำไรสุทธิงวดแรกปี 65 โต 6% กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยเพิ่ม 13.9% จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินให้สินเชื่อ พร้อมย้ำฐานะการเงินแข็งแกร่ง แม้ตั้งสำรองลดลง

22 กรกฎาคม 65 ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อย รายงานกำไรสุทธิสำหรับงวดแรกปี 2565 จำนวน 14,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากงวดแรกปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 13.9% จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินให้สินเชื่อ ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.18% รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง 19.8%

 

ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับปริมาณเงินให้สินเชื่อที่ขยายตัว สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.8% จากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 50.4% โดยธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 14,843 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,652,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จากสิ้นปี 2564 โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ 3.4%

 

และจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 232.5%

โดยธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 จำนวน 3,147,149 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปีก่อน อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.3% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1

 

และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 18.9% 15.4% และ 14.6% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ความกังวลใจในเรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ลดลง ส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น และทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 7 แสนคนต่อเดือน สอดรับกับการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางของไทยและประเทศต่าง ๆ

 

ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ จากราคาพลังงานและอาหารโลกที่เพิ่มขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ ต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัวลง

 

ภาคการส่งออกของไทยในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2565 ขยายตัว 10.2% จาก 14.8% ในไตรมาสก่อน ทั้งนี้ ความผันผวนของตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้ายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป


ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพยังคงช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยให้การสนับสนุนภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียน พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจตามแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ

 

ในขณะเดียวกันธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง