ดาวโจนส์ปิดบวก 162 จุด ขานรับผลประกอบการเทสลาดีเกินคาด

21 ก.ค. 2565 | 23:39 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเทสลา นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์หน้า  



          
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,036.90 จุด เพิ่มขึ้น 162.06 จุด หรือ +0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,998.95 จุด เพิ่มขึ้น 39.05 จุด หรือ +0.99% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,059.61 จุด เพิ่มขึ้น 161.96 จุด หรือ +1.36%
          
 

เทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 2.27 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.81 ดอลลาร์ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นเทสลาปิดตลาดพุ่งขึ้น 9.78%
          
ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของเทสลายังช่วยหนุนหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตสูง (Growth Stocks) เช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย โดยหุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 1.51% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.95% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 1.52% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ปรับตัวขึ้น 0.48% หุ้นไนกี้ บวก 0.50%
         

 

อย่างไรก็ดีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 3% อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่ารัสเซียได้กลับมาส่งก๊าซให้แก่ยุโรปแล้วเมื่อวานนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.68% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.76% หุ้นไดมอนด์แบค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 2.36% หุ้นฮัลลเบอร์ตัน ร่วงลง 3.83% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 1.96%

 

หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 10.17% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.43 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.95 ดอลลาร์ ขณะที่นายสก็อตต์ เคอร์บี ซีอีโอของยูไนเต็ด แอร์ไลน์กล่าวว่า บริษัทอาจเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงในอีก 6-18 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งรวมถึงราคาเชื้อเพลิงที่สูงเป็นประวัติการณ์ และความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอย

 

นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 30.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. และให้น้ำหนัก 69.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผย GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐในสัปดาห์หน้าเช่นกัน ขณะที่เฟดสาขาแอตแลนตาเปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่คาดการณ์ในวันที่ 15 ก.ค.ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.5%
         

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 251,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย
         

ขณะที่เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ -12.3 ในเดือนก.ค. หลังจากแตะระดับ -3.3 ในเดือนมิ.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการจ้างงานและคำสั่งซื้อใหม่
         

ทั้งนี้ ดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกอยู่ในภาวะหดตัว โดยเป็นการหดตัวเดือนที่ 2 ติดต่อกัน