ทุกอย่างอยู่ที่ความคิด ปรับชีวิตให้เป็นบวก เป็นแบบที่อยากจะเป็น

19 มิ.ย. 2565 | 03:14 น.

ทุกอย่างอยู่ที่ความคิด ปรับชีวิตให้เป็นบวก เป็นแบบที่อยากจะเป็น คอลัมน์ Investing Tactic โดย เบิร์ท มานิตย์ ศรายุทธิกรณ์ เจ้าของเพจ Bert Manit

ในช่วงเวลาที่ผิดหวังเราจะมีแต่ความคิดทางลบรุมเข้ามาทุกทิศทาง โทษตัวเองว่าไม่เก่งทำอะไรก็ผิดพลาด ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ย้อนดึงเรื่องราวในอดีตเพื่อยืนยันตัวเราเองว่าไร้ความสามารถ ตัดพ้อไปถึงอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นว่าตัวเราเองไม่มีทางประสบความสำเร็จ

 

ทั้งหมดนี้เป็นลูปความคิดของนักลงทุนที่ผมได้มีโอกาสได้พูดคุยให้คำปรึกษา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนที่อยู่ในช่วง Survival trade (การเทรดเอาตัวรอดเพื่อหาตัวตน) สิ่งแรกที่ผมทำคือ รีบดึงสติและความคิดของพวกเขากลับมาให้ไวที่สุด เพราะคนที่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความผิดหวัง จะเหมือนคนจมน้ำที่ถูกแท่นหินถ่วงขา ยิ่งปล่อยไว้นาน ยิ่งจมลึก ยิ่งดึงกลับมายาก

ความคิดและจิตใจสำคัญมากสำหรับอาชีพนักลงทุน เพราะเราต้องเจอกับสภาวะราคาที่ผันผวน การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของตลาดที่มีทั้งดีมากจนเราเคลิ้มฝันและเลวร้ายจนเหมือนโลกจะแตก ผมจึงอยากแบ่งปันวิธีคิดเพื่อปรับประคองความคิดของเราให้ยังคงเป็นบวกเสมอ ไม่แย่ลงไปตามสภาวะรอบข้างที่เราเผชิญ นอกจากจะส่งผลดีต่อการลงทุนแล้ว ยังส่งผลดีต่อความสุขในชีวิตประจำวันของเราอีกด้วย

ทุกอย่างอยู่ที่ความคิด ปรับชีวิตให้เป็นบวก เป็นแบบที่อยากจะเป็น

จากที่ผมได้พูดคุยให้คำปรึกษาเพื่อนๆและคนรอบตัวของผมเอง จะพบว่าต้นเหตุของความทุกข์จะคล้ายกัน บางคนยึดติดกับอดีตเสียดายสิ่งที่ผ่านไปแล้ว บางคนเครียดกับปัจจุบันสิ่งที่เป็นอยู่ หลายคนกังวลกับอนาคตสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ผมจึงขอแบ่งการปรับมุมความคิดออกเป็น 3 ช่องเวลา

  • คิดบวกและปล่อยวางอดีต: ทุกคนล้วนมีข้อผิดพลาด ในทุกช่วงเวลาหากมองย้อนกลับไปในอดีต เมื่อเดือนก่อนพักผ่อนน้อยขับรถเกิดอุบัติเหตุ เมื่อปีก่อนย้ายงานโดยไม่คิดเจองานหนักกว่าเดิม เมื่อ 10ปีก่อนเลือกเรียนตามเพื่อนจบมาทำงานที่ไม่ได้ชอบ

 

หากเรามัวแต่เสียดายกับสิ่งที่ผ่านมา จิตใจและความคิดเราก็จะเป็นทุกข์ส่งผลให้ร่างกายเราอ่อนแอ ทั้งที่เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เรากลับปล่อยให้อดีตมาทำร้ายปัจจุบันของเรา ผมอยากให้เรายอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จดจำเป็นบทเรียนแล้วปล่อยวาง หันกลับมามองด้านดีๆที่ซ่อนอยู่ในนั้น

 

อุบัติเหตุที่เกิดทำให้รู้ว่าใครเป็นห่วงเราอย่างจริงใจ การย้ายงานที่ไม่รอบคอบทำให้เราเจอเพื่อนใหม่ที่เข้าใจกัน และการทำงานที่ไม่ได้ชอบทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วเราชอบงานอะไร การลงทุนที่ผิดพลาดเราได้บทเรียนราคาแพงเพื่อมาหาเงินที่มากขึ้นในอนาคต นักลงทุนในตำนานทุกคนเคยขาดทุนหนัก ดังนั้นทุกครั้งที่เราขาดทุนเราก็กำลังเดินในเส้นทางเดียวกับตำนานนักลงทุน

 

  • คิดบวกและอยู่กับปัจจุบัน: ทุกคนล้วนมีปัญหา ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือมีเงินมากมายระดับไหน คนมีเงินแสนก็เจอปัญหาแบบหนึ่ง คนมีเงินล้านก็เจอปัญหาอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นเงินไม่ใช่ทางแก้ของทุกปัญหา

 

ทุกครั้งที่ตัวผมเผชิญปัญหา ผมจะใช้ความนิ่งเข้าต่อสู้ ตั้งสติแล้ววิเคราะห์ว่าปัญหาที่เจออยู่นั้นสามารถแก้ไขได้หรือไม่ได้ ซึ่งปัญหาที่เราเจอส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มที่แก้ไขได้ ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะคิดวิธีแก้ไขได้ไหมและจะต้องใช้ทรัพยากรใดหรือใครเพื่อช่วยแก้ไข

 

หากปัญหาที่ผมเจออยู่ในกลุ่มที่แก้ไขไม่ได้ ผมจะประเมินว่าปัญหานั้นส่งผลกระทบต่อผมด้านไหนอย่างไร สิ่งที่ผมจะทำต่อจากนั้นคือรับทราบผลกระทบที่จะเกิด วางแผนรับมือและปล่อยวาง ปล่อยให้ปัญหามันเดินไป ผมจะไม่สนใจเพราะมันเป็นส่วนน้อยของชีวิตและมันแก้ไขอะไรไม่ได้

 

  • คิดบวกและมองไปที่อนาคต:  โอกาสมีเพียงพอสำหรับทุกคนที่เตรียมพร้อม ผมเชื่ออย่างสุดใจทุกครั้งที่เราตื่นโอกาสก็ตื่นมาพร้อมกับเรา ถ้าเรายังหายใจก็ยังมีโอกาสที่เป็นของเราเสมอ ในอาชีพการลงทุนทุกครั้งที่ผมพลาดโอกาส ไม่ใช่ว่าผมไม่ดีหรือไม่คู่ควร เพียงแต่ผมยังไม่พร้อมสำหรับโอกาสนั้นต่างหาก

 

สิ่งที่ผมต้องทำคือพัฒนาตัวเอง เพิ่มเติมความรู้และฝึกการตัดสินใจให้ดีขึ้น เพื่อเตรียมให้พร้อมสำหรับโอกาสในครั้งหน้า ทุกครั้งที่ตัดสินใจผิดพลาดทำให้เกิดการขาดทุน ผมอยากให้เรามองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเกม มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ ผิดพลาดก็แค่แก้ไขทำรอบหน้าให้ดีขึ้น ขาดทุนวันนี้เพื่อทบคืนเป็นกำไรหลายเท่าตัวในวันหน้า

 

  • เราอยากเป็นแบบไหน เราจะเป็นแบบนั้น

การกระทำเป็นผลโดยตรงจากความคิดที่ถูกส่งออกมาจากสมองของเราเอง เราอยากเป็นแบบไหนให้เราเชื่อแบบนั้น สมองของเรามีกลไกที่ซับซ้อน ผมจะไม่พูดกับน้องหรือเพื่อนนักลงทุนว่า “อย่ากลัว อย่าคิดแง่ลบ” เพราะหากทำแบบนั้นสมองของเราก็จะยังคิดแง่ลบ เหมือนเวลาเราบอกตัวเองว่า “อย่าคิดถึงดอกกุหลาบสีแดง” แน่นอนแวบแรกของสมองจะคิดถึงดอกกุหลาบสีแดง

 

เทคนิคที่ผมอยากแนะนำคือ ให้เรานึกถึงสิ่งที่เราอยากจะเป็น เชื่ออย่างจริงจังว่าเราเป็นแบบนั้น และวางแผนรับมือหากไม่เป็นตามนั้น  ดังนั้นคำที่ผมจะพูดกับตัวเองคือ “เรากล้าหาญ เรามั่นใจเราทำได้” เพื่อสั่งสมองเหนี่ยวนำความคิดให้กล้าและมั่นใจในตัวเองที่จะทำ

 

ผมจะวางแผนรับมือไว้ให้พร้อมหากมันผิดพลาดไม่เป็นไปตามที่คิดโดยการเขียนลงกระดาษเป็นลำดับขั้นตอน เมื่อสมองรับรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำมีแผนรับมือและทางออกชัดเจน ความคิดจะถูกปลดปล่อยให้กล้าที่จะคิดและมั่นใจในการลงมือทำอย่างไม่มีความลังเล

 

การหาไอดอลทางการลงทุนเป็นเรื่องที่ผมจะแนะนำนักลงทุน ไอดอลเป็นเหมือนสิ่งแรกที่ทำให้เรานึกภาพตัวเองในอนาคตออกหากเราพยายามอย่างเต็มที่ เราจะประสบความสำเร็จได้ระดับไหนเหมือนอย่างไอดอลที่เราติดตาม

 

ในช่วงเริ่มต้นการลงทุนของตัวผม ผมอ่านหนังสือเยอะมากทั้งเรื่องงบการเงิน เทคนิคอลสายกราฟ และหนังสือชีวประวัติแนวความคิดของตำนานนักลงทุน เพราะผมอยากได้ทั้งความรู้การลงทุนและค้นหาไอดอลที่ผมอยากยึดเป็นแบบอย่าง หากเราค้นพบไอดอลทางการลงทุนของเราเจอแล้ว

 

ผมอยากให้เราเรียนรู้ไอดอลคนนั้นไม่ใช่แค่สไตล์การลงทุน แต่เป็นทุกอย่างที่เราสามารถหาได้ หนังสือที่ไอดอลอ่าน หนังที่ไอดอลดู กิจวัตรประจำวันที่ไอดอลทำ บุคลิกท่าทาง ลักษณะการพูดคุย หลักการใช้ชีวิตและแนวความคิดของไอดอลคนนั้น เพราะสิ่งที่ผมอยากทำคือ “การโคลนนิ่งไอดอลคนนั้น” และสวมมันลงในร่างเดิมของเรา

 

เราอยากประสบความสำเร็จเหมือนไอดอลคนไหน เราต้องทำเหมือนไอดอลคนนั้น เพราะไอดอลคนนั้นได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า ทุกอย่างที่เขาเป็น ทุกอย่างที่เขาทำ ทุกอย่างที่เขาคิด ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างที่เค้าตั้งใจ ดังนั้นหากเราเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าตัวเราเป็นไอดอลคนนั้น เราก็มีโอกาสสูงมากที่จะประสบความสำเร็จเหมือนอย่างที่ไอดอลคนนั้นทำได้ 

 

สุภาษิตคำสอนที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” คงเป็นบทสรุปที่ดีและครบถ้วนที่สุดสำหรับเรื่องราวทั้งหมดที่ผมได้ถ่ายทอด ..... จงมั่นใจในตัวเอง เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าเราทำได้ ไม่ว่าจะเจออะไร ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เราจะทำมันจนสำเร็จ

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,793 วันที่ 19 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2565