HENG มั่นใจ 4 ปีปั้นพอร์ตสินเชื่อแตะ 2.5 หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. 2565 | 01:43 น.

เฮงลิสซิ่ง เล็งให้บริการสินเชื่อดิจิทัล-พีโลน ไตรมาส 4 ปีนี้ เผยแผน 4 ปี พอร์ตสินเชื่อแตะ 2.5 หมื่นล้านบาท ทยอยเปิดสาขาอีกเกือบ 300 แห่งใน 2 ปี พร้อมเพิ่มพนักงานอีก 500 คนในปีหน้า ย้ำสภาพคล่องพอต่อการดำเนินธุรกิจตามแผน

นางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า พอร์ตสินเชื่อสิ้นปีนี้คาดว่า จะมี 12,600 ล้านบาท โดยจะรักษาการเติบโตต่อปีในอัตรา 28-30% จากไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่ยอดสินเชื่อ 9,800 ล้านบาท และคาดว่าในช่วง 4 ปี (ระหว่างปี 2565-2568) พอร์ตสินเชื่อรวมจะเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาทคิดเป็นอัตราเติบโต 30% ต่อปีตามแผนได้

  HENG มั่นใจ  4 ปีปั้นพอร์ตสินเชื่อแตะ  2.5 หมื่นล้านบาท

ขณะที่รายได้หลักของบริษัท 90% มาจากดอกเบี้ย ส่วนค่าธรรมเนียมขายประกันอยู่ที่ 6% ที่เหลือเป็นรายได้จากการบริการจัดการหนี้และรายได้อื่นๆ โดยบริษัทไม่คิดค่าติดตามหนี้ และปัจุบันบมจ. เฮงลิสซิ่งอยู่ในขั้นตอนการยื่นขอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลหรือสินเชื่อดิจิทัลพีโลน วงเงินกู้ 20,000 บาท คิดดอกเบี้ยอัตรา 25% คาดว่า ไตรมาส 4 จะสามารถให้บริการสู่สาธารณะชนได้

อย่างไรก็ตาม แนวคิดการควบคุมดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อที่อัตรา 15% ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ทำให้บริษัทตั้งใจปรับลดสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อเหลือ 35% จากปีที่แล้ว 65% โดยหันไปเน้นทำตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียน และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ให้มีสัดส่วนเป็น 55% ซึ่งสามารถคิดดอกเบี้ยในอัตรา 24% และ 33%

 

“แผนการลดสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อเป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถไม่เร็วตามที่คิด เพราะกลุ่มลูกค้าเช่าซื้อยังมีความต้องการสินเชื่อทั้งจากนายหน้าและพันธมิตรเต้นท์รถกว่า 5,000 ราย ทยอยส่งลูกค้ามาให้เฮงลิสซิ่งจัดไฟแนนซ์ และลูกค้ากลุ่มนี้ก็มีคุณภาพ สามารถจัดสินเชื่อให้ได้ สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อจึงยังไม่ปรับลดลงเหลือ 30-35% ในปีนี้” นางสุธารทิพย์ กล่าว

 

 

 

นางสุธารทิพย์กล่าวย้ำว่า บริษัทให้ความสำคัญในการติดตามทวงถามหนี้ เพื่อรักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 3% ลดลงเล็กน้อยจาก 3.6% ในไตรมาสแรกของปีนี้ และจะเน้นปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยลูกค้ารายที่ยังกระท่อนกระแท่น จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท คิดเป็นกว่า 10% ของพอร์ตสินเชื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท

 

ที่ผ่านมา บริษัทได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ทั้งการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ทำให้อัตราผลตอบแทนของบริษัทหายไป 2-3% เพราะเป็นพอร์ตเช่าซื้อส่วนใหญ่ แต่ปลายปีนี้คาดว่า อัตราผลตอบแทนจะกลับมาเป็น 17% จากต้นทุนที่ได้รับซอฟต์โลนจากธนาคารออมสินและระดมทุนในตลาด แม้ซอฟต์โลนจะครบกำหนดเดือนกรกฎาคมนี้ แต่บริษัทเตรียมวงเงินไว้ทดแทนเรียบร้อยแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การแข่งขันมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น  จากที่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เฉพาะที่เป็นธนาคารหรือนอนแบงก์ แต่ธนาคารรัฐเข้ามาทำธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัทและมีต้นทุนที่ถูกกว่าบริษัทเอกชน ดังนั้นบริษัทต้องพยายามดูแลลูกค้าและควบคุมต้นทุน โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ในสัดส่วน 1ต่อ1 

HENG มั่นใจ  4 ปีปั้นพอร์ตสินเชื่อแตะ  2.5 หมื่นล้านบาท

สำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ในกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน จะอนุมัติวงเงินกู้เฉลี่ย 100,000 บาทต่อราย ถ้าไม่มีหลักประกันจะอนุมัติวงเงินกู้ประมาณ 15,000-20,000บาท และเป็นการคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ไปแล้ว หากในอนาคตดอกเบี้ยในตลาดปรับเพิ่มขึ้นจะกระทบค่าใช้จ่ายต้นทุนและทำให้กำไรของบริษัทบางลงมาก

 

ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมสภาพคล่องให้เพียงพอในการดำเนินธุรกิจ ล่าสุดได้เสนอคณะกรรมการและที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญขออนุมัติวงเงินในการออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท เมื่อถึงเวลาจำเป็น ซึ่งยังไม่คิดจะออกหุ้นกู้ช่วงนี้ เพราะวงเงินที่มีอยู่สามารถดำเนินธุรกิจได้เป็นปี ประกอบกับบริษัทได้เปิดวงเงินกับธนาคารในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม รวมทั้งธนาคารเจ้าหนี้หลายรายพร้อมจะสนับสนุนวงเงิน ทำให้นอกจากบริษัทมีเงินสำรองขั้นต่ำแล้ว ยังมีเงินกันสำรองส่วนเพิ่มด้วย

 

ส่วนสัญญาณความต้องการสินเชื่อไตรมาส 2 นั้น นางสุธารทิพย์ระบุว่า มีแนวโน้มดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ขยายตัว ทำให้ธุรกิจกลับมาขยายงานและต้องการเงินทุนหมุนเวียน เห็นได้จากโรงแรมเริ่มกลับมาปรับปรุงอาคาร สถานที่ เช่น เปลี่ยนแอร์หรือผ้าม่าน ทาสีใหม่ หรือพ่อค้าแม่ขายมีความต้องการสภาพคล่อง เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนทำการค้าเพิ่มขึ้น และลูกค้ามีความต้องการซื้อรถ เพื่อทำธุรกิจเพิ่มขึ้น

 

“เราเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 150 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้ จะมีสาขาเพิ่มเป็น 638 สาขา และจะเปิดอีกเกือบ 200 สาขาในปีหน้าและคาดว่าต้องรับพนักงานเพิ่มเกือบ 500 คนจากปัจจุบันมี 1,600 คน เพื่อขยายจุดให้บริการครอบคลุมขึ้น จากปัจจุบันฐานลูกค้ามีประมาณเ 110,000 บัญชี โดยลูกค้า 1 รายจะใช้บริการสินเชื่อกับบริษัท 2 บัญชีคือ สินเชื่อเช่าซื้อและจำนำทะเบียน และลูกค้ากลุ่มนี้อาจมีบัญชีสินเชื่อนาโนอีกบัญชีก็ได้”นางสุธารทิพย์กล่าว

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศราฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,785 วันที่ 22 - 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565