"สินมั่นคง" ย้ำไม่ทิ้งลูกค้า การฟื้นฟูกิจการคือทางออกที่ดีที่สุด

18 พ.ค. 2565 | 12:16 น.

สินมั่นคง (SMK) ยันไม่ทิ้งลูกค้าด้วยวิธีปิดกิจการ-แจงสินไหม Covid-19 สูงกว่า 41,875 ล้านบาท -การฟื้นฟูกิจการแก้ไขปัญหาสินไหมโควิด เจอจ่ายจบ

สินมั่นคงยืนยันเดินหน้าธุรกิจต่อ ย้ำการฟื้นฟูกิจการคือทางออกที่ดีที่สุดขณะนี้ไม่ทิ้งความรับผิดชอบด้วยวิธีปิดกิจการ ย้ำการยื่นฟื้นฟูกิจการคือทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ เพราะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายอย่างแท้จริง และนักลงทุนยังแสดงความสนใจที่จะลงทุน หากบริษัทฯ สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ

 

เนื่องจากปัญหาสินไหมโควิด เจอ จ่าย จบ จะได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ธุรกิจหลักประกันภัยรถยนต์และนอน มอเตอร์ (Non Motor) ยังมีศักยภาพ ผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาโดยตลอด และการชดใช้สินไหมประเภทอื่นยังสามารถดำเนินไปได้ตามปกติ

คำแถลงการณ์การยื่นคำร้องขอฟื้นฟกิงการของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน)

 

 ตามที่สำนักงาน ดปก. ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์ วีธีการ และเงื่อนไขการขอความยินยอมในการฟื้นฟูกิจการของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 ซึ่งกำหนดรายละเอียดในกรณีการขออนุญาดยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทประกันวินาศภัย

 

บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้พิจารณาข้อดี ข้อเสีย และความมุ่งมั่นที่จะคำเนินธุรกิจต่อไป เพื่อดูแลผู้เอาประกันภัยและลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ

บริษัทฯ จึงได้ยื่นคำขอความยินยอมในการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ต่อสำนักงาน ดปภ. ในวันที่ 25 เมษายน 2565 ต่อมา ภายหลังจากที่สำนักงาน คปภ. ได้พิจารณาคำขอดังกถ่าวแล้ว เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2565

 

สำนักงาน คปภ. จึงได้ยินยอมให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลได้ โคยบริษัทฯ ด้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565

เหตุและความจำเป็นในการยื่นฟื้นฟถึงการ

ในปี 2564 บริษัทฯ ได้รับประกันภัย Covid -19 แบบเจอจ่ายจบ และแบบ 2 in 1 รวมประมาณ 2 ล้านกรมธรรม์ โดยมีเบี้ยรับจากประกันภัยรวมจำนวน 661 ล้านบาท

 

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถในการดูแลผู้เอาประกันและจ่ายสินไหมโควิดให้กับผู้เอาประกันที่ดิดเชื้อ Covid-19 ไปแล้วเป็นเงินจำนวน 11.875 ล้านบาท โดขนำเงินจากกำไรสะสมทั้งหมดมาง่ายชำระสินไหม Covid-19

 

อย่างไรก็ตาม จากการระบาคของ Covid -19 ในวงกว้างและการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ไดยฉพาะสายพันธุ์ไอมิครอนที่แพร่กระจายได้ง่ายและรวคเร็ว แต่อาการไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการ ส่งผลไห้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 เป็นต้นมา มีจำนวนผู้เอาประกันมายื่นเคลมสินไหมโควิดเป็นจำนวนมาก ทำให้มีจำนวนเคลมสินไหม Covid-19 คงค้างอีกประมาณ 350,000 รายการ คิดเป็นค่าสินไหมประมาณ 30,000 ล้านบาท

 

เมื่อนับรวมสินไหม Covid-19 ที่จ่ายไปแล้วทั้งหมดจะเท่ากับ 41,875 ล้านบาท คิดเป็นการายสินไหมที่สูงถึง 63 เท่าของเบี้ยประกันภัยรับ หรือ 6,300% และสูงกว่าการจ่ายสินไหมประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Covid-19 ถึงเกือบ 100 เท่า

 

ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขภาระคำสินไหม Covid-19 ที่มีจำนวนมาก โดยการสรรหานักลงทุน เพื่อเพิ่มความสามารถทางการเงินในการชำระคำสินไหม Covid-19

 

แม้ว่าจะมีนักลงทุนให้ความสนใจในธุรกิจหลักของบริษัทฯเนื่องจากมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาโดยดลอดก็ตาม แต่สินไหม Covid-19 ที่ปัจจุบันสูงกว่า 41.875 ล้านบาทเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจลงทุน

บริษัทฯ มุ่งมั่นและพยายามอย่างต็มที่ในการแก้ไขปัญหาและหาทางออกตลอคระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา โดยกระบวนการฟื้นฟูกิจการเป็นเพียงทางออกเดียวที่หมาะสมที่สุดที่จะแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ใด้ และจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

 

หากบริษัทฯ ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ จะต้องถูกเพิกถอนใขอนุญาตการประกอบธุรกิจประกันภัย และถูกปิดกิจการในท้ายที่สุด ส่งผลให้สินไหม Covid-19หลายหมื่นล้านบาท ต้องตกเป็นภาระแก่กองทุนประกันวินาศภัย อันจะเป็นการน้ำเดิมให้สถานการณ์ทางการเงินของกองทุนประกันวินาศภัยวิกฤตยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

เนื่องจากในช่วงระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมา กองทุนประกันวินาศภัยได้รับภาระให้ความช่วยเหลือเจ้าหนี้ของบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยไปแล้วถึง 4 ราย ทำให้มีแนวโน้มสูงที่กองทุนประกันวินาศภัยจะขาคสภาพคล่องจนไม่มีเงินเพียงพอที่จะชำระค่าสินไหมแทนบริษัทประกันวินาศภัยที่ต้องปีดกิจการซึ่ง ณ ปัจจุบันมียอดหนี้สูงกว่าสองหมื่นล้านบาท 

 

นอกจากนี้ ผู้เอาประกันของบริษัทฯ จำนวนกว่า 2.5 ล้านฉบับ จะได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการของบริษัทฯ รวมถึงพนักงานเกือบ 2,000 คน และคู่ค้าต่างๆ จะไม่ได้รับชำระหนี้และสูญเสียรายได้

 

ทางบริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 เพื่อให้บริษัทฯ ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างต่อเนื่องและปรับโครงสร้งการชำระหนี้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนและแก้ไขฐานะการเงิน

 

ทั้งนี้ ความสำเร็งในการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ในครั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการให้ความร่วมมือของทุกฝ่ายการดำเนินการระหว่างการฟื้นฟกิงการ

บริษัทฯ ขอยืนยันว่าบริษัทฯ มีเจตนาที่ดีในการแก้ไขปัญหาการะหนี้สินไหม Covid-19 โคยการฟื้นฟูกิจการจะเป็ดโอกาสให้บริษัทฯ และผู้เอาประกันภัยที่ที่ติดเชื้อ Covid-19 ได้เจรจาร่วมกัน เพื่อหาแนวทางในการชำระหนี้ที่เหมาะสมให้กับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ Covid-19

 

และเป็นแนวทางที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย กระบวนการฟื้นฟูกิจการจะคุ้มครองให้ผู้เอาประกันภัยที่คิดเชื้อ Covid-19 ได้รับการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการมากกว่ากรณีที่ บริษัทฯ ต้องปืดกิจการอย่างแน่นอน และ

 

กระบวนการฟื้นฟูกิจการจะให้ความมั่นใจได้ว่าผู้เอาประกันภัยที่ดิดเชื้อCovid-19 จะได้รับชำระหนี้ค่สินไหมทดแทนตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้มีการขอมรับร่วมกัน โดยผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ Covid-19 ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้จะมีโอกาสได้พิจารณาและลงมติเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการภายใด้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ

 

สำหรับผู้เอาประกันภัยประเภทอื่น เช่น ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและภาคบังดับ ประกันอัคคีภัย ประกันภัยบ็ดเตล็ด และประกันขนส่งทางทะเล บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบดูแลการรับประกันและจ่ายสินไหมสำหรับผู้เอาประกันดังกล่าวจนสิ้นสุดกรมธรรม์

 

บริษัทฯ ขอให้ความมั่นใจว่าบริษัทฯ จะขังคงให้ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยตามปกติ และรักษาคุณภาพ ความสะดวกรวดเร็ว ในการให้บริการดังเดิม

โดยบริษัทฯ ขอเรียนว่าหากไม่นับรวมภาระหนี้ค่าสินไหม Covid-19 ที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างการชำระหนี้ภายใด้กระบวนการฟื้นฟูกิจการนั้น บริษัทฯ ยังคงมีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะคำเนินธุรกิจทางการค้าปกติ และจะยังคงดูแลคู่ก้าต่าง ๆ ได้แก่ อู่ซ่อมรถ โรงพยาบาล ตัวแทน นายหน้า ตามการดำเนินธุรกิจการค้ำาตามปกติ

 

บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาการะหนี้ค่สินไหม Covid -19 ด้วยการฟื้นฟูกิจการเพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย บริษัทฯ รู้สึกชาบซึ้งที่ทุกฝ่ายมีความเข้าใจและ ให้การสนับสนุนกิจการของบริษัทฯ มาโดยคลอด

 

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคครั้งใหญ่ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ และจะทำให้บริษัทฯสามารถกลับมาประกอบการอย่างแข็งแกร่ง เพื่อให้บริการอย่างมีคุณภาพและส่งเสริมกิจกรรมด้านสังคมดังที่บริษัทฯ ได้ยึดมั่นตลอดมาได้ต่อไป

 

บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะสื่อสารกับท่านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ท่านทราบถึงความคืบหน้าในการฟื้นฟูถึจการอย่างเปิดเผย โปร่งไส และตรงไปตรงมา บริษัทฯ จะประชาสัมพันธ์และสื่อสารให้ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ Covid-19และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้รับทราบถึงขั้นตอนในกระบวนการฟื้นฟูกิงการ

 

รวมถึงสิทธิของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ความคืบหน้ และข้อมูลอันสำคัญ ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ เว็บไซค์: n smkco.th Line: @smkinsurance Facebookwww.facebook.com/smkinsurance สาขาของบริษัท1 ทั่วประเทศ และหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ต่อไป