THRE เผยไตรมาส2/65 ฟื้นตัวจากโควิด ดัน บ.ลูก "EMCS" เข้า mai ไตรมาส3

12 พ.ค. 2565 | 08:47 น.

THRE เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/65 ฟื้นตัวจากโควิด หลังกรมธรรม์แบบเจอ-จ่าย-จบ หมดอายุแล้วกว่า 90% ตั้งแต่สิ้นเดือนมี.ค.65 เดินหน้านำบริษัทลูก"EMCS" เข้าตลาด mai ยื่นไฟลิ่งช่วง Q3 นี้ ตามแผน พร้อมประเมินแนวโน้มธุรกิจประกันภัยในปี 2565 คาดว่าจะเติบโต 5-10%

THRE เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/65 ฟื้นตัวจากโควิด หลังกรมธรรม์แบบเจอ-จ่าย-จบ หมดอายุแล้วกว่า 90% ตั้งแต่สิ้นเดือนมี.ค.65 เดินหน้านำบริษัทลูก"EMCS" เข้าตลาด mai    ยื่นไฟลิ่งช่วง Q3 นี้ ตามแผน ขณะที่งบ Q1/65 รายได้ 1,076.5 ล้านบาท ขาดทุน 184 ล้านบาทคาดดีมานด์ประกันภัยพุ่ง มั่นใจผลงานทั้งปี 65 พลิกเป็นบวก

 

นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) (THRE) ผู้ให้บริการด้านการรับประกันภัยต่อ (Professional Reinsurer) ครอบคลุมทั้งการรับประกันภัยทรัพย์สิน อุบัติเหตุ วิศวกรรม ภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึง ทิศทางแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/65 บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/65 เนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัยโควิด แบบ เจอ-จ่าย-จบ หมดอายุกว่า 90% ตั้งแต่สิ้นเดือนมี.ค.65 ที่ผ่านมาแล้ว

 

ประกอบกับบริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ยังเติบโตได้ดี ตามการเติบโตของธุรกิจ Non-Conventional หรืองานบริการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับพันธมิตร ทั้งธุรกิจเทรนนิ่ง และบริการใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI ที่เริ่มมีรายได้เข้ามาสนับสนุน

สำหรับแผนดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นนำบริษัท อีเอ็มซีเอส ไทย จำกัด ( EMCS Thai : EMCS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)  ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์( ก.ล.ต.) เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ช่วงไตรมาส 3/65 ตามแผนที่วางไว้

 

โดยภายหลังการเข้าตลาดของกลุ่มบริษัทย่อย EMCS ทาง THRE จะได้รับประโยชน์จาก

1. ผลตอบแทนการขายหุ้น IPO

2.ลดการพึ่งพิงในการสนับสนุนบริษัทย่อยในการขยายธุรกิจ และ

3.มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นหลังเข้าตลาด ทั้งนี้ EMCS มีจุดแข็งทั้งด้านเทคโนโลยี และ DATA จากจำนวนลูกค้าที่บริษัททำเคลมปีละไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านเคลม ด้านเครือข่ายที่มีอู่ให้บริการกว่า 4,000 แห่ง และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ทำให้การขยายธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/65 มีรายได้รวม 1,076.5 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,109.82 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ  184  ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท

 

 

ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิดมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเป็นจำนวนมากตั้งแต่ต้นปี 65 จนถึงปัจจุบัน ทำให้บริษัทมีผลขาดทุนจากค่าใช้จ่ายสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประเภท เจอ-จ่าย-จบ

 

ส่วนภาพรวมแนวโน้มธุรกิจประกันภัยในปี 65 คาดว่าจะเติบโต 5-10% สะท้อนจากเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัว รวมถึงผู้บริโภคตระหนักถึงการทำประกันภัยด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้การประกันสุขภาพ ประกันภัยอุบัติเหตุและการเดินทาง  ประกันภัยทรัพย์สิน วิศวกรรม รวมถึงภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้าต่างประเทศ คาดว่าจะเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประกันอุบัติเหตุและการเดินทาง คาดว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมา หลังจากไม่มีการล็อกดาวน์ประเทศ และภาคการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง

 

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 65 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตดีกว่าปี 64 แน่นอน และคาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ หลังผลกระทบจากสถานการณ์ Covid-19 ลดลง ขณะที่สัดส่วนรายได้จากพอร์ตการรับประกันของบริษัท แบ่งเป็น อุบัติเหตุและสุขภาพ 50% อสังหาริมทรัพย์ 10% กลุ่มรถยนต์ 31% ขนส่งสินค้าต่างประเทศ 2% และประกันภัยประเภทอื่น 8%