ดีเดย์ 9-13 พ.ค. เปิดจองหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง “กรุงไทย J.P. Morgan MOZAIC XRP”

09 พ.ค. 2565 | 08:31 น.

ธนาคารกรุงไทย เปิดจองหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง “กรุงไทย J.P. Morgan MOZAIC XRP” 9-13 พฤษภาคมนี้ ชูจุดเด่นลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย กระจายความเสี่ยง สร้างผลตอบแทนทุกสภาวะตลาด คุ้มครองเงินต้น 100%

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า ระหว่างวันที่  9-13 พฤษภาคม 2565 ธนาคารได้เปิดจองหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง “กรุงไทย J.P.Morgan MOZAIC XRP” จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนีกลุ่ม J.P. Morgan MOZAIC XRP ซึ่งเป็นดัชนีที่เข้าลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกที่หลากหลาย  อาทิ พันธบัตร หุ้นกู้ หุ้น ทองคำ น้ำมัน และสกุลเงินหลักของโลก โดยมีจุดเด่นด้านกลยุทธ์กระจายความเสี่ยง มุ่งสร้างผลตอบแทนต่อเนื่องในทุกสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง และคุ้มครองเงินต้น 100% เมื่อถือจนครบกำหนด

  ดีเดย์ 9-13 พ.ค. เปิดจองหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง “กรุงไทย J.P. Morgan MOZAIC XRP”              

ทั้งนี้ จากวิกฤตราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก และเกิดความกังวลว่าทั่วโลกจะประสบปัญหา stagflation หรือภาวะเงินเฟ้อสูง แต่เศรษฐกิจเติบโตได้น้อย ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายสำหรับนักลงทุนที่รอจังหวะเข้าลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีความผันผวนสูงมากในช่วงที่ผ่านมา

ธนาคารกรุงไทย จึงได้นำเสนอหุ้นกู้อนุพันธ์แฝงของธนาคาร ประเภทคุ้มครองเงินต้น “กรุงไทย J.P. Morgan MOZAIC XRP” อายุ 3 ปี ความเสี่ยงระดับ 4 โดยมีค่าผลตอบแทนเฉลี่ยจากข้อมูลดัชนีในอดีต ประมาณ 5.02% ต่อปี (ก่อนการแปลงค่าเงิน) เสนอขายแก่นักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนสถาบันขั้นต่ำ 5 ล้านบาทต่อราย

 

หุ้นกู้อนุพันธ์แฝงรุ่นนี้ จะจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนีกลุ่ม J.P. Morgan MOZAIC XRP (MOZAIC XRP) ซึ่งเป็นดัชนีที่กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก อาทิ พันธบัตร หุ้นกู้ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองคำ น้ำมัน) และสกุลเงินหลักของโลก โดยมีจุดเด่นด้านกลยุทธ์กระจายความเสี่ยง มุ่งสร้างผลตอบแทนในทุกสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ถึงแม้ตลาดผันผวนหนัก ทั้งหุ้น และตราสารหนี้ ให้ผลตอบแทนติดลบ แต่ดัชนียังสามารถทำผลตอบแทนเป็นบวกได้ประมาณ 3% จากกลยุทธ์กระจายการลงทุนและการปรับพอร์ตต่อเนื่อง

“สินทรัพย์แต่ละประเภทจะให้ผลตอบแทนที่ดีในภาวะตลาดที่ต่างกัน หากเศรษฐกิจเติบโต เงินเฟ้อไม่สูงมาก การลงทุนในหุ้นจะให้ผลตอบแทนที่ดี แต่หากเศรษฐกิจชะลอตัว การลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร  จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า”นายรวินทร์กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ในภาวะตลาดที่ผันผวน และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน     นักลงทุนควรกระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยดัชนีกลุ่ม J.P. Morgan MOZAIC XRP ที่ธนาคารคัดเลือกมาในครั้งนี้ มีกลยุทธ์แบบกระจายการลงทุน และปรับสัดส่วนการลงทุนสม่ำเสมอ เพื่อพร้อมรับตลาดที่ผันผวน และมุ่งสร้างผลตอบแทนต่อเนื่องในทุกสภาวะตลาด โดยธนาคารคุ้มครองเงินต้นให้เต็มจำนวน เมื่อถือครองจนครบกำหนด และไม่มีค่าธรรมเนียมการจัดการ