ดาวโจนส์ปิดร่วง 400 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ

13 เม.ย. 2565 | 01:03 น.

ดาวโจนส์ปิดร่วง 400 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดหุ้นเติบโต

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,308.08 จุด ลดลง 413.04 จุด หรือ -1.19% 

 

ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,412.53 จุด ลดลง 75.75 จุด หรือ -1.69% 

 

ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,411.96 จุด ลดลง 299.04 จุด หรือ -2.18%


สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2.79% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2562 ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (FED) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

 

อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย. และอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 2.50-2.75% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะสูงกว่า 2.4% ซึ่งเป็นระดับที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าเป็นระดับที่เป็นกลาง

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเป็นปัจจัยฉุดหุ้นเติบโตซึ่งเป็นหุ้นที่อ่อนไหนต่ออัตราดอกเบี้ย รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 2.16%

 

หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ดิ่งลง 2.64% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.94% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 2.21% หุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 2.55% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 3.35%


หุ้นเทสลา ร่วงลง 4.83% หลังจากที่อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ และบริษัทสเปซเอ็กซ์ ตัดสินใจไม่เข้าร่วมเป็นกรรมการในบอร์ดบริหารของบริษัททวิตเตอร์


ด้านหุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนดิ่งลง หลังราคาบิตคอยน์ร่วงหลุดจากระดับ 40,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ โดยหุ้น Coinbase ดิ่งลง 4.39% หุ้น Riot Blockchain ร่วงลง 4.62% หุ้น Silvergate Capital ร่วงลง 3.58% หุ้น Marathon Digital ร่วงลง 3.35%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากที่ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งหลุดจากระดับ 95 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 4.91% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 3.49% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.15% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.61%

 

อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของราคาน้ำมันเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบิน โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดีดตัวขึ้น 2.29% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 3.96% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้น 1.10%

 

โดยนักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนมี.ค.จะพุ่งขึ้น 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2524

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. ,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ,ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ,ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมี.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.