TCAP สวนกระแสโควิด-19 โชว์กำไรปี 64 พุ่ง 44%

28 ก.พ. 2565 | 06:39 น.

ทุนธนชาต หรือ TCAP เผยผลงานปี 64 มีกำไรจากการดำเนินงานโต 44% สวนกระแสเศรษฐกิจชะลอ ปี 36 วางเป้าเดินหน้าพัฒนาทุกผลิตภัณฑ์และบริการในกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด(มหาชน)หรือ TCAP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม 6,722 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 5,287 ล้านบาท ลดลง 20.72% จากปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ รับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ ซึ่งเป็นกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด(มหาชน)

 

ดังนั้นหากไม่รวมกำไรพิเศษดังกล่าว บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,508 ล้านบาท หรือ 43.71% ซึ่งเกิดจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อยที่สำคัญที่เติบโตขึ้น แม้ว่าบริษัทร่วมทั้ง ttb และ MBK จะยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องก็ตาม

อย่างไรก็ดี แม้สถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่บริษัทย่อยที่สำคัญของ TCAP ทั้ง ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ธนชาตประกันภัย (TNI)  บล.ธนชาต (TNS) รวมถึง เอ็ม บี เค ไลฟ์ ประกันชีวิต  (MBK Life)  ยังมีผลการดำเนินงานในปี 2564 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

 

ขณะที่ปี 2565  บริษัทฯยังตั้งเป้าในทิศทางก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดย THANI ได้มีการตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ (New Drawdown) ในปีนี้ 26,400 ล้านบาทและมียอดคงค้างของเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นปีที่ 50,000 ล้านบาท ส่วนของ TNI ตั้งเป้าหมายขยายเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท จากเบี้ยประกันภัยรับรวมปีก่อนที่ 8,334 ล้านบาท โดยเน้นการดำเนินธุรกิจที่ไร้ขีดจำกัด ผ่านช่องทางออนไลน์และแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

สำหรับ TNS แม้ว่า จะมีการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ แต่ในภาพรวม ยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ ประกอบกับการต่อยอดความสำเร็จในการนำเสนอแผนจัดสรรการลงทุน (Portfolio Advisory – ZEAL) และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (Derivative Warrants) ซึ่งคาดว่า จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนของ MBK Life ได้มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจโดยการปรับปรุงกระบวนการทำงานและการให้บริการให้มีความทันสมัย และไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การประกันคุ้มครองสินเชื่อ และการประกันกลุ่ม

 

“แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 จะยังคงเป็นตัวแปรหลักในภาคเศรษฐกิจองค์รวม ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจมาเป็นระยะเวลาพอสมควร และยังไม่อาจเรียกได้ว่าคลี่คลายมากนัก แต่ฝ่ายจัดการยังคงมีความมั่นใจว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทฯมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และจะสามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤติไปได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง”นายสมเจตน์กล่าว