"กสิกรไทย"คงเป้าดัชนีหุ้นไทย 1,680 จุด จัด 15 หุ้นเด่นน่าลงทุน

02 ก.พ. 2565 | 01:57 น.

บล.กสิกรไทย มองหุ้นไทยปี 65 เสี่ยงผันผวนสูง คาดเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีนี้ 5 ครั้ง จับตาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไทยผลต่อตลาด คงเป้าดัชนีปีนี้ที่ 1,680 จุด ชู 5 ธีมการลงทุน 15 หุ้น top picks ของปี

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ต่อมุมมองตลาดหุ้นไทยปี 2565 ว่ายังคงมุมมองแง่บวกและคงเป้าหมายสำหรับ SET Index ล่วงหน้า12 เดือนที่ 1,680 จุดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การกระตุ้นทางการคลังอย่างต่อเนื่อง และนโยบายของ ธปท. ที่ผ่อนคลาย เงื่อนไขการเดินทางคาดว่าจะผ่อนคลายในเดือนก.พ. จากนโยบาย “Test & Go” ที่มีการกลับมาใช้อีกครั้ง เนื่องจากจำนวนฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นและจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนักและการเสียชีวิตลดลง

 

"คาดว่า ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ในปี 2565 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% (2565 ที่ 1.7%) และเพื่อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเต็มที่ แม้จะมีฐานสูงในปี 2564 โดยคาดว่าการส่งออกสินค้าปี 2565 จะเติบโตอบ่างต่อเนื่อง 4% ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการจะโต 7%"

 

อย่างไรก็ตามหุ้นไทยมีความเสี่ยงและความผันผวนมากขึ้น  จากสภาพแวดล้อมของตลาดมีความผันผวนมากขึ้นท่าทีของ Fed ที่มีความแข็งกร้าวมากขึ้น ขณะนี้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งในปี 2565 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ได้รับแรงหนุนจำกัดด้านอุปทานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยด้านอุปสงค์ที่มีความแข็งแกร่งอีกด้วย เช่น อัตราการว่างงานต่ำ การเติบโตของจีดีพีที่แข็งแกร่ง และการออมของครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ตลาดโลก รวมทั้ง SET ของไทยคาดว่าจะยังคงผันผวนจนกว่าตลาดจะเริ่มเห็นอัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อระยะยาวว่าสูงกว่าหรือต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเป้าหมายของ Fed ที่ 2%
 

สำหรับปัจจัยในประเทศ หากมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 313-336 บาทต่อวัน ทั้งนี้ในช่วงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำประจำปี 2554 จาก 215 บาทเป็น 300 บาท ต่อวัน กลุ่มพาณิชย์ไทยรายงานการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เพิ่มขึ้น 8.5% และ 4% ในปี 2555-2556 ขณะที่ SSSG เฉลี่ยอ่อนค่าลงในช่วงปี 2560- 2561 ที่การปรับค่าจ้างที่ -1%/+2% หากขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ มุมมองของเราโน้มเอียงไปทางปฏิกิริยาด้านลบของตลาด ซึ่งจะส่งผลกระทบทสำคัญต่อธุรกิจสิ่งทอ โรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม ผู้รับเหมา และภาคการค้า

 

บล.กสิกรไทย ระบุอีกว่า ได้ตัด BGRIM SPRC SCB ADVANC AWC และ KCE ออกการเป็นหุ้นเด่นและแทนที่ด้วย KKP DTAC BAM SABINA TOP BH และ CENTEL  

 

โดยหุ้นธีมการลงทุน 5 รูปแบบ มีดังนี้

 

  • แนวโน้มการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่ดีขึ้น  (CPALL SABINA HENG และ STEC) เราคาดว่ารัฐบาลจะอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศก่อนการเลือกตั้งซึ่งจะช่วยให้ จีดีพี ปี 2565 เติบโตประมาณ 4%
  • อุปสงค์ในการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น  (TOP CENTEL และ BH) การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลง และ pent-up demand รวมถึงมาตรการยกเว้นการกักตัวที่จะกลับมาบังคับใช้อีกครั้งในเดือน ก.พ. 2565 ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นค่าการกลั้น (GRM) ของ TOP จำนวนผู้ป่วยของ BH รวมถึงอัตราการเข้าพักและอัตราห้องพักเฉลี่ย (ADR) ของ CENTEL
  • หุ้นกลุ่ม anti-commodities plays (PTG GFPT และ OSP)  จะฟื้นตัว หากราคาสินค้าโภคภัณฑลดลง โดยราคาที่ลดลงจากการผ่อนคลายข้อจำกัด ด้านอุปทานในปี2565 น่าจะเป็นโอกาสในการเทรด
     
  • หุ้นกลุ่ม yield plays (KKP LH DTAC และ BAM) เราคาดว่าหุ้นกลุ่มปันผลจะทำผลงานได้ดีในช่วงการปรับฐานของตลาด
  • อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น  (BLA) นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นหลังวิกฤตโควิด-19 จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้น ROI ของบริษัทประกันภัย

 

"กสิกรไทย"คงเป้าดัชนีหุ้นไทย 1,680 จุด จัด 15 หุ้นเด่นน่าลงทุน