‘พีซแอนด์ลีฟวิ่ง’เตรียมเสนอขายหุ้น IPO 84 ล้านหุ้น

21 ม.ค. 2565 | 11:24 น.

บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง หรือ PEACE เตรียมขาย IPO 84 ล้านหุ้น เดินหน้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รุกสร้างความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน เพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ รองรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อก้าวเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบชั้นนำของไทย

นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ รองรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ตลอดจนก้าวเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบชั้นนำของไทย

‘พีซแอนด์ลีฟวิ่ง’เตรียมเสนอขายหุ้น IPO 84 ล้านหุ้น

 

ปัจจุบัน บริษัทเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมแบบ 2 ชั้น และ 3 ชั้น ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใต้แบรนด์ “The Glamor” “Cordiz” และ “Cher” และเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ล่าสุด 2 แบรนด์ ได้แก่ “Cherene” และ “CHEREA VICINITY” โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือ คนกรุงเทพชั้นกลาง ชั้นนอก และปริมณฑลที่ต้องการบ้านแนวราบ เดินทางเข้าออกเมืองได้ง่าย 

สำหรับโครงการในอนาคต 3 โครงการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่า จะทยอยเปิดตัวได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 รวมมูลค่าโครงการกว่า 3,045 ล้านบาท แบ่งเป็น

  1. โครงการ Cherene กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า เป็นบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการประมาณ 648 ล้านบาท
  2. โครงการ CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์ – เจษฎาบดินทร์ เป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม 2 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 1,845 ล้านบาท
  3. โครงการ Cher ราชพฤกษ์ - พระราม 5 เป็นทาวน์โฮม 2 – 3 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 552 ล้านบาท 

 

"โครงการของ PEACE จะเน้นการสร้างบ้านที่มีคุณภาพดีที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ในราคาที่เหมาะสม พร้อมให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันในด้านต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยจริง"นายประสพศักดิ์กล่าว

นายฉันทวิทย์ โอฬารรัตนชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบริหารทั่วไป บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE กล่าวว่า การพัฒนาโครงการภายใต้ พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จะเริ่มเปิดขายโครงการภายใน 12-15 เดือน นับจากวันที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับการพัฒนา และมีเป้าหมายในการปิดโครงการ หรือการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าร้อยละ 100 ภายใน 2 – 3 ปี (สำหรับโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่เกิน 200 ยูนิต) และภายใน 3 –5 ปี (สำหรับโครงการที่มีจำนวนยูนิตเกิน 200 ยูนิต) 

 

บริษัทฯ สามารถสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งรายได้และการทำกำไรสุทธิ จากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 429.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 866.88 ล้านบาทในปี 2563 และในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้รวม 809.57 ล้านบาท เติบโต 40.82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 574.86 ล้านบาท 

 

ขณะที่กำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ 31.51 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 133.71 ล้านบาทในปี 2563 และงวด 9 เดือนของ 2564 มีกำไรสุทธิ 150.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 86.30 ล้านบาท โดยเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการทยอยรับรู้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการต่างๆ 

 

ณ 30 กันยายน 2564 บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์ 7 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,717 ล้านบาท มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) 600 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทมีการบริหารสัดส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) และมีอัตราดอกเบี้ยจากเงินกู้ยืม (Cost of Fund) ค่อนข้างต่ำ อยู่ในระดับเดียวกับบริษัทชั้นนำของอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการซื้อที่ดิน สำหรับรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตได้เป็นอย่างดี 

 

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า บมจ.พีซแอนด์ลีฟวิ่ง มีทุนจดทะเบียน 420 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 336 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญ 336 ล้านหุ้น และจะขาย IPO ไม่เกิน 84 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด 

 

"คาดว่าจะนำ PEACE จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในไตรมาสแรกของปี 2565 นี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ ภายหลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ไปใช้เพื่อเป็นเงินลงทุนซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท"นายประเสริฐกล่าว