ดัชนีหุ้นไทยภาคเช้า (13 ม.ค.) เคลื่อนไหวสลับแดนบวกและแดนลบ ดัชนีปิด เพิ่ม 2.44 จุด หรือ +0.15% ยืนที่ระดับ 1,680.94 จุด มูลค่าซื้อขาย 44,400.79 ล้านบาท ระหว่างวันปรับสูงสุด 1,682.71 จุด ต่ำสุด 1,676.11 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ กล่าววว่าตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งตัวแคบ หลังจากสหรัฐประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ 7%ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก โดยกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดเร็วขึ้น จากเดิมคาดว่าหากเงินเฟ้อสูงมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.จากเดิมมองไว้กลางปี 65 ขณะที่ทิสโก้ คาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2/65
อย่างไรก็ตาม วันนี้นักลงทุนเวียนกลุ่มเล่นจากกลุ่มโรงไฟฟ้าและกลุ่มสื่อสารมาเก็งกำไรในกลุ่มไฟแนนซ์ จากเมื่อต้นสัปดาห์ที่งบ AEONTS ออกมากดี เป็นสัญญาณการฟื้นตัวของกลุ่มไฟแนนซ์ และคาดว่าโควิดสายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก ทำให้วันนี้หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์กลับมาฟื้นตัวได้จากที่ก่อนหน้าที่ราคาถูกดดันให่ย่อตัวไปลง
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย คาดว่าจะแกว่งตัว Sideway ในกรอบจำกัดต่อไป โดยนักลงทุนส่วนหนึ่งยังรอติดตามงบของบริษัทจดทะเบียนที่เตรียมจะทยอยประกาศออกมา และวันนี้ต้องติดตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐด้วย
พร้อมให้แนวรับที่ 1,675 และ 1,670 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,685 จุด
10 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่
6.MTC มูลค่าซื้อขาย 967.54 ล้านบาท ราคาล่าสุด 59.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท