ตลาดหุ้นโลกคลายกังวลโอมิครอน ไทยต้องติดตามใกล้ชิด

04 ม.ค. 2565 | 12:30 น.

บล.คันทรี่กรุ๊ปเผย ตลาดหุ้นโลกคลายกังวลกับ Omicron หลังยอดผู้เสียชีวิตต่ำ ส่วนไทยต้องติดตามใกล้ชิด มองกรอ SET Index สัปดาหนี้เคลื่อนไหว 1645-1660 จุด แนะ CPF BBL

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า สัปดาห์แรกของการลงทุนในปี 2565 เรื่องของโอมิครอน(Omicron) มีปัจจัยบวกและปัจจัยลบผสมผสานกัน สำหรับปัจจัยบวกปรากฎว่า การเสียชีวิตจาก Omicron ค่อนข้างต่ำ อิงข้อมูลการติดเชื้อจากสหรัฐช่วงสิ้นปี 2564 วันที่ 29 ธ.ค. พบผู้ติดเชื้อทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ราว 4.89 แสนราย

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)

อย่างไรก็ตามข้อมูลการเสียชีวิตรายวันล่าสุด เฉลี่ยต่อวันจะอยู่เพียง 1-2 พันรายหรือคิดเป็นอัตราการเสียชีวิตจากติดเชื้อที่ 0.4% ขณะเดียวกันฝรั่งเศสที่พบผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2.2 แสนราย แต่การเสียชีวิตยังแกว่งอยู่ระดับต่ำราว 100–200 รายต่อวันและยังไม่ทำระดับสูงสุดใหม่เหมือนจำนวนการติดเชื้อ 

ด้านปัจจัยลบคือ

 

  1. การติดเชื้อทั่วโลกที่ทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในภาพรวมและเสี่ยงเผชิญปัญหาอุปทานขาดแคลน 
  2. ผู้ติดเชื้อ Omicron ในไทยเร่งตัว ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 2 ม.ค. สะสมทั้งหมด 1,551 รายและการติดเชื้อเฉพาะคน ในประเทศได้เร่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ดังนั้นต้องติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดว่าจะเป็นในทิศทางใด หากแกว่งแดนบวกก็เป็นไปได้ว่าตลาดให้น้ำหนักกับความรุนแรงของโรคที่เบาบาง แต่หากแกว่งแดนลบก็ตีความได้ว่าตลาดกังวลกับสถานการณ์การระบาด 

ปัจจัยสัปดาห์นี้ได้แก่

  1. โครงการช็อปดีมีคืนได้เริ่มมาตรการตั้งแต่ 1 ม.ค. 22 มองเป็นบวกต่อกลุ่มที่ขายสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL CRC DOHOME HMPRO ILM) ร้านอาหาร (CENTEL M MINT) 
  2. ประชุม OPEC+ ในวันจันทร์ ตามแผนของที่ประชุมจะมีการใส่กำลังการผลิตเข้ามาราว 4 แสนบาร์เรล / วัน หากเป็นไปตามนี้ก็เชื่อว่าผลกระทบต่อราคาน้ำมันจำกัด แต่หากปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 4 แสนบาร์เรล / วัน จะเป็นลบกับราคาน้ำมัน 
  3. ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันพฤหัสบดี อาทิ PMI ภาคบริการจาก ISM Bloomberg คาดที่ 67.2 และวันศุกร์สำหรับภาคแรงงานสหรัฐ Bloomberg คาดการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 4.1 แสนตำแหน่งและอัตราการว่างงานที่ 6% เชื่อว่าตลาดอยากเห็นตัวเลขที่ไม่ร้อนแรงจนเกินไปเพื่อ ให้ FED ยังไม่เร่งรีบใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดจนเกินไป ส่วนปัญหาราคาหมูแพงเราคาดว่าราคาจะยังยืนระดับสูงเช่นนี้ไปอีก 3-6 เดือนจากนั้นจะเริ่มเห็นอุปทานใหม่เข้ามา 

ล่าสุดรัฐบาลเริ่มเข้ามาดูแลด้วยการควบคุมต้นทุนผลิตสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนหมูเพื่อลดอัตราการสูญเสียหมูจากโรคระบาดรวมถึงส่งเสริมแหล่งเงินทุนทั้งปลอดดอกเบี้ย , ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อจูงใจให้อุปทานกลับเข้ามามีหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ CPF TFG แต่เป็นลบกับหุ้นร้านอาหาร (CENTEL M MINT)ในแง่ต้นทุนที่จะสูงขึ้นกดดันอัตรากำไรขั้นต้นรวมถึงกำไรสุทธิ

 

อย่างไรก็ตามประเมินกรอบ SET สัปดาห์นี้ที่ 1645 - 1660 กลยุทธ์การลงทุนสำหรับระยะสัปดาห์แนะหุ้นได้ประโยชน์จากราคาหมูปรับตัวขึ้น อาทิ CPF TFG (Laggard จะเป็น CPF) รวมถึงที่ได้ประโยชน์จากช็อปดีมีคืน อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL COM7 DOHOME GLOBAL HMPRO) ส่วนนักลงทุนระยะกลางยังแนะถือหุ้นต่อไปได้และอาจสะสมเพิ่มใน Laggard Play อาทิ (BBL BJC CPALL M MAJOR PTG)

 

แนะนำ

  • CPF(ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26 บาท) ได้ประโยชน์จากราคาหมูในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าราคาจะยืนระดับสูงเช่นนี้ไปอีก อย่างน้อย 3 เดือน ราคาหมูเฉลี่ย 4Q21 อยู่ที่ 77.3 บาท / กก (+11%QoQ +28%YoY)
  • BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 162 บาท) คาดกำไรของ BBL ใน 4Q21 จะเติบโตสูง165%YoY (-8%QoQ) จากสำรองหนี้ฯ ที่ลดลงและรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น  ปี 2565 เน้นกลยุทธ์การเติบโตในต่างประเทศ และพัฒนาการให้บริการผ่านดิจิตอลแบงกิ้งสร้างรายได้เพิ่มราคาหุ้นยังไม่แพง ซื้อขายที่เพียง 0.4x PBV’22E (-1.5SD ต่อค่าเฉลี่ยย้อนหลัง) และอัตราเงินปันผลราว 4.8% ในปี 2565