สร้างโอกาสการลงทุนจากทิศทางกระแสโลกด้วย Thematic Investment

16 ธ.ค. 2564 | 09:22 น.

สร้างโอกาสการลงทุนจากทิศทางกระแสโลกด้วย Thematic Investment:คอลัมน์ มันนี่ ดี ไอวาย โดยคุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด

การลงทุนแบบธีม หรือ Thematic Investment เป็นการลงทุนโดยการมองแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกในระยะยาว โดยอาศัยการจับทิศทางกระแสของโลก (Mega Trend)โดยวิเคราะห์ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดำรงชีวิตและการทำงานในอนาคต อาทิ แนวโน้มการใช้พลังงานสะอาดในอนาคตจากวิกฤตโลกร้อน การพึ่งพาหุ่นยนต์เพื่อการผลิตและการทำงานในอนาคต รวมถึงพัฒนาการทางเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จะนำมาใช้ในโลกอนาคต 

 

การลงทุนในรูปแบบ Thematic Investment จะเน้นการเข้าลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทิศทางกระแสของโลกในระยะยาว จึงเป็นการลงทุนที่มีกรอบการลงทุนระยะยาวมากกว่าการมุ่งเน้นหากำไรในระยะสั้น ซึ่งทั่วไประยะเวลาการลงทุนจะอยู่ที่ 3–5 ปี โดยในปัจจุบันบริษัทจัดการกองทุนต่าง ๆ ได้นำเสนอทางเลือกการลงทุนแบบธีมให้แก่นักลงทุนอย่างแพร่มากขึ้น ซึ่งหลายยกตัวอย่างธีมการลงทุนที่น่าสนใจได้แก่

  • Robotics เป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มขีดจำกัดความสามารถของมนุษย์ซึ่งใช้ในภาคอุตสาหกรรมและการบริการโดยเริ่มได้รับความนิยมใช้งานอย่างแพร่หลาย เนื่องจากช่วยลดต้นทุนการผลิต มีความได้เปรียบด้านความยืดหยุ่น มีความอัจฉริยะ ความคล่องตัว และสะดวกในการใช้งาน โดยคาดว่าช่วงปี 2021–2025 การเติบโตของอุตสาหกรรม Robotic จะขยายตัวเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี โดยปัจจัยหนุนจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (5G) 

 

นอกจากนี้ Robotics ยังช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การเกษียณก่อนกำหนด รวมถึงการลาออกจากงาน ในขณะที่ต้นทุนการติดตั้งหุ่นยนต์อุตสาหกรรมลดลง จึงทำให้สุดท้ายแล้วผู้ประกอบการจะเลือกทดแทนช่องว่างในส่วนของแรงงานที่หายไปจากตลาดด้วย 

ในส่วนของภาคบริการการลงทุนใน Robotics ก็มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการระบาดของ COVID-19 และการใช้มาตราการ Social Distancing ทำให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนมีการปรับตัวนำ Robotics เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร งานทำความสะอาด และงานในร้านอาหาร ซึ่งอาจทำให้ปริมาณการใช้งานหุ่นยนต์ภาคบริการ มีการปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 55% ต่อปี ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า

 

  • Clean Energy ปัจจุบันที่หลายประเทศหลัก ๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ประเทศในยุโรป ญี่ปุ่น และจีนได้ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืนของสภาพแวดล้อม และบรรเทาวิกฤตภาวะโลกร้อน โดยล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมผ่านงบประมาณการคลังเพิ่มเติม ซึ่งมีวงเงินสำหรับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่คาดว่าในหลายประเทศจะทยอยออกนโยบายสนับสนุนให้ประชาชนหันมาการใช้พลังงานลม พลังงานโซล่าเซลล์ พลังงานน้ำ และพลังงานชีวมวลเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่อากาศ 

 

รวมถึงผลักดันการใช้ระบบขนส่งจากไฟฟ้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันในการประชุม COP26 โดยมีการบรรลุข้อตกลงเพื่อควบคุมปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการผลักดันให้ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050  ทำให้คาดว่าการใช้พลังงานหมุนเวียนจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2040 เฉลี่ยปีละ 7.1% ต่อปี 

 

  • Semiconductors เป็นอีกธีมการลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากตลาด Memory Chips ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการที่ Semiconductors เป็นชิ้นส่วนสำคัญของการผลิตอุปกรณ์อิเล็กรอนิกส์หลากชนิด เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ Gaming หุ่นยนต์อัตโนมัติ และรถยนต์ อีกทั้งยังได้ถูกนำมาใช้ในโครงข่าย Wireless, 5G, Internet of Thing, ด้านการแพทย์ และด้านการทหาร

 

ธนาคาร Citibank ได้คาดการณ์ว่า รายได้จาก Semiconductors ทั่วโลกจะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 7.3% ต่อปี ระหว่างปี 2020-2024 นอกจากนี้ปัญหา Global Supply Disruption คาดว่าจะเริ่มมีแนวโน้มผ่อนคลายลงหลังจากหลายประเทศทั่วโลกเริ่มกลับมาเปิดเมือง จะส่งผลให้ผู้ผลิต Semiconductor กลับมาผลิตและส่งออกชิ้นส่วนได้เพิ่มขึ้นในปี 2022 เป็นต้นไป

 

  • Blockchain Technology คือ เทคโนโลยีที่ความปลอดภัยสูงในการบันทึก และการส่งข้อมูล โดยไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ เนื่องจากมีลักษณะเป็นการกระจายการจัดเก็บฐานข้อมูลไปยังเครือข่ายของระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลไว้จุดเดียว ส่งผลให้ระบบมีความถูกต้องและความปลอดภัยของการบันทึกข้อมูลสูง ที่ผ่านมาเทคโนโลยีถูกนำมาใช้แพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม เช่น การสร้าง Cryptocurrency ต่างๆ, การเกิดนวัตกรรมระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง (DeFi), การรองรับความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ (NFT), การทำสัญญาต่าง ๆ โดยลดการใช้คนกลางมาเป็นพยาน (Smart Contract) 

 

นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ได้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อีก อาทิ Healthcare และ Supply Chain ในการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า เป็นต้น โดยจากการสำรวจบริษัทชั้นนำด้านการวิจัยเทคโนโลยี 451 แห่งในสหรัฐฯ พบว่ากว่า 52% ของบริษัทที่สำรวจมีแผนจะนำเทคโนโยลี Blockchain มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และนักวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโตของการนำ Blockchain มาใช้จะสูงถึง 48% ในช่วงปี 2020-2024

 

จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นว่าการลงทุนแบบ Thematic Investment นับเป็นการกระจายการลงทุนในพอร์ตฟอร์ลิโอ เนื่องจากการลงทุนในตลาดทุนโดยทั่วไปมักมีความเสี่ยงของการดำเนินธุรกิจตามวัฏจักรเศรษฐกิจแผงอยู่ การลงทุนในโลกแห่งอนาคตโดยมองภาพในระยะไกลจึงสามารถลดความเสี่ยงดังกล่าวลงได้ 

 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนแบบธีมอาจมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนทั่วไปซึ่งเกิดจากกองทุนประเภทธีมมักกระจุกตัวในบางอุตสาหกรรมทำให้การกระจายความเสี่ยงมีน้อย รวมถึงหุ้นประเภทธีมในบางธุรกิจอาจเผชิญความเสี่ยงจากระดับกำไรในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ราคาปัจจุบันอยู่ในระดับสูงเนื่องจากการคาดการณ์ผลกำไรบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูง 

 

ดังนั้นการลงทุนแบบธีมจึงมีความจำเป็นจะต้องจำกัดสัดส่วนไม่ให้สูงมากเกินไป เพื่อไม่ให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูงขึ้น  อย่างไรก็ดีจากสถานการณ์ปัจจุบัน ความกังวลด้านการแพร่ระบาดของ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ Omicron ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนอย่างมาก

 

แม้ว่าล่าสุดตลาดได้ลดความกังวลลดลงเนื่องจากความรุนแรงของ Omicron ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าสายพันธุ์ Delta แต่ในอนาคตก็อาจมีสายพันธุ์อื่นที่มีความรุนแรงกว่าเดิมเกิดขึ้น การลงทุนแบบ Thematic Investment จึงจะสามารถมาช่วยกระจายความเสี่ยงลงทุนของพอร์ต และเสริมโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวได้